จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา ผู้จัดละครป้ายแดง เปิดมุมมองทำละครไทย เบื่อไหม! ตบจูบ สูตรสำเร็จละครไทย
ไม่ว่าจะยุคไหน ๆ ละครไทยก็เป็นอาหารว่างที่ขาดไม่ได้ อยู่ที่ว่าใครอยากลิ้มรสชาติไหน กุ๊กกิ๊ก รักหวาน บู๊แอ๊กชั่น หรือเศร้าน้ำตาท่วมจอ รวมไปถึงละครแนวตบจูบ เลิฟซีนหนักหน่วง ที่ทำออกมาแล้วต้องเจอทั้งกระแสด้านลบและด้านบวก เพราะเป็นละครที่เรียกเรตติ้ง
แต่เสียงวิจารณ์ก็แรงสูสีพอกัน เรตติ้งที่ได้มาคุ้มกับที่โดนวิจารณ์หรือไม่ และจำเป็นหรือมั้ยที่ในละครต้องมีฉากเหล่านี้ "จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา" ในฐานะที่นั่งเป็นผู้จัดละครเรื่องแรก "จังหวะหัวใจนายสะอาด" ได้เผยกับสปริงนิวส์ถึงการทำละครเกี่ยวกับประเด็น "เบื่อไหม! ตบจูบ สูตรสำเร็จละครไทย" ไว้ได้อย่างน่าสนใจ
"เอาจริงๆ มันไม่ใช่จำเป็นต้องสังคมไทยหรอก SouthEast Asia อินเดีย เกาหลี จีน ยุโรป อเมริกา ทุกคนมีซีรีส์ ทุกคนมีละครเป็นของตัวเองมันเหมือนเป็นสิ่งที่มันคู่กับคน เพราะว่าคนเองก็มีความเครียด คนก็อยากที่จะเสพอะไรที่มันแบบบันเทิงบ้าง แต่ความบันเทิงไม่ใช่ว่าเป็นตลกอย่างเดียวนะ ความบันเทิงบางคนอาจจะ ชอบดราม่า มันแล้วแต่รสนิยมของคนเลยค่ะ ดังนั้นจุ๋ยเชื่อว่าทั่วทุกมุมโลกวงการบันเทิง งานละคร งานหนัง งานอาร์ตที่เป็นเกี่ยวกับการถ่ายทำอะไรแบบเนี่ยมันมีอยู่ทุกที่"
แต่จุ๋ยก็เห็นตอนเนี่ยยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วนะ มันไม่ได้มีตบจูบขนาดนั้นแล้ว ลองศึกษาดีๆ ก็ยังมีหลายๆ ที่เขาก็ฉีกไม่ใช่แนวตบจูบเป็นแนวอื่นๆ ใดๆ อะไรอย่างเนี่ยค่ะ ซึ่งๆ มันก็…คือยังไงคนที่ยังทำแนวตบจูบอยู่เขาก็ต้องอิงความชอบของคนในประเทศเป็นหลัก เมื่อคนในประเทศยังทำให้เรตติ้งของละครตบจูบมันยังขึ้นอยู่คนที่จัดมาเขาก็ต้องนำเสนอแนวนี้ไว้อยู่อ่ะค่ะ จุ๋ยก็เชื่อว่ามันก็เป็น Demand Supply ที่มันก็ต้องเสิร์ฟมันต้องมีความต้องการก่อน มันก็ถึงจะต้องเสิร์ฟอะไรแบบนั้นกลับเข้าไป แต่ว่าอย่างในมุมเราด้วยความที่เราเองเราก็มีตั้ง…ตั้งแนวทาง คือสไตล์ๆ เราไว้เหมือนกันว่าเราอยากจะทำแบบไหนก็อยากให้ลองดูว่าจุ๋ยจะทำออกมาในสไตล์ไหน จุ๋ยก็อยากที่จะเหมือนมีการเปลี่ยนแปลงหรือทำที่มันเหนือกว่าที่เราเคยเล่นเคยทำหรือเราอยากเอาความคิดตรงนี้ใส่ในตัวลูกของเราคนนี้ เรื่องของเราเรื่องนี้จุ๋ยก็พยายามเอาใส่เข้าไป จุ๋ยก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะถูกใจคุณผู้ชมหรือเปล่านะเพราะว่าของจุ๋ยไม่ใช่แนวตบจูบแน่นอน
"อุตสาหกรรมบันเทิงก็อาจจะมีส่วนจริงนะคะ ด้วยความที่เคยไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วก็เคยเห็นโปรดักชั่นของเขา เคยเห็นวิธีการมันมากับการพัฒนาเรื่องเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี มันมาคู่กันหมด หลายๆ ประเทศที่พุฒิเคยไปทำแล้วมาเล่าให้ฟัง จุ๋ยไปทำแล้วจุ๋ยก็เห็น ใช่…เขามีมาตรฐานที่นำเราไปพอสมควรเลยแหละ อันนี้ก็ไม่ อันนี้นับแค่แถวเอเชีย ก็มาตรฐานเขาก็นำ แต่เราก็ยังเป็นประเทศที่มีความนำในหลายๆ ประเทศ ยังเป็นประเทศที่หลายๆ ประเทศสนใจ"
"อย่างเรื่องนี้จีนก็สนใจที่จะเหมือนมาทำงานร่วมกับเราและนำเรื่องนี้ไปออนแอร์เป็นเหมือนแบบคู่ขนานกับจีน ดังนั้นจุ๋ยก็เชื่อว่าถึงแม้เราอาจจะมีคุณภาพหรือเทคโนโลยีหรืออะไรหลายๆ อย่างยังไม่ทัดเทียมกับเขาด้วยเนื้อเงินด้วยของระบบต่างๆ ที่อาจจะไม่ได้สนับสนุนการถ่ายทำละครหรือภาพยนตร์เต็มที่เหมือนที่อื่นเขา ที่อื่นเขามองการทำงานละครเป็นเรื่องของการท่องเที่ยวด้วยนะ เป็นเรื่องของการนำเงินมาสะพัดอยู่ในประเทศเขา"
"เพราะว่ามันจริงเป็นจากตัวเองเลยค่ะ ดูซีรีส์แล้วก็แบบอยากไปตามรอยตรงนั้นตรงนี้ เรื่องเนี่ยจุ๋ยพยายามใส่อะไรที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่เราสามารถจะนำไปโยงกับเนื้อเรื่องได้ สมมติเราต้องไปถ่ายแม่น้ำเจ้าพระยาจุ๋ยพยายามให้เป็นมุมที่สวยและก็อยากเป็นเหมือนแบบ สมมติคนดูละครแล้วเวลานึกอยากจะมาเมืองไทยก็อยากที่จะลองมาถ่ายรูปแถวนี้ซิ ลองมาเที่ยวตรงนี้ซิ ไปห้างที่นี้ซิ ไปโรงแรมที่นี้ซิ คืออยากให้เป็นเบอร์นั้นจริงๆ เพราะว่าถ้าเกิดละครของจุ๋ยสามารถที่จะนำเม็ดเงินเข้ากระจายอยู่ในประเทศเราได้สักนิดสักหน่อยก็รู้สึกดีใจมากแล้ว"
"จริง...เดาใจไม่ถูกขนาดตอนเล่นละครเอง ก็ยังตุ๊มๆ ต่อมๆ ทุกครั้งที่ละครจะออนแอร์ เพราะแบบเล่นแบบนี้ไปคนดูจะชอบไหม อย่างเรื่องก่อนถ้าจุ๋ยเล่นแบบนั้นเรตติ้งดีเลยได้รางวัลนั่นโน่นนี้ คนดูชอบแต่ถามว่าถ้าเอามาเล่น คาแร็คเตอร์นั่นมาเล่นอีกเรื่องนึงแบบนั้น คนดูก็เบื่อแล้วคนดูก็ไม่ได้ชอบ ดังนั้นเนี่ยมันไม่มีอะไรตายตัว ไม่มีสูตรตายตัวเลยมันอยู่ที่คำว่าดวงและโชคในช่วงนั้นเลย ดวงก็คือแบบช่วงนั้นละครออนแอร์ไปมีสถานการณ์บ้านเมืองอะไรที่มันเกิดขึ้นมาและมันดึงความสนใจคนไหม"
"โชคก็คือช่วงนั้นแบบคนเครียดพอดีคนอยากที่จะดูอะไรคลายเครียด บังเอิญจุ๋ยเป็นโรแมนติกคอมเมดี้มันก็อาจจะได้ใจคนในช่วงนั้น ทำอะไรไม่ได้เลยเดาทางอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ลุ้นอย่างเดียวว่าจะเป็นยังไงเพียงแต่ว่าทำให้มันดีที่สุด ณ หน้างาน เสิร์ฟสิ่งที่มันไม่ได้สุขเอาเผากินทำให้อย่างตั้งใจที่สุดที่สามารถที่จะทำได้ จุ๋ยเชื่อว่าความตั้งใจอย่างน้อยมันก็เป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะดึงคนมาดูละครเรา"
"ความคาดหวังมันมีอยู่ล่ะ ถ้าดีเราดีใจแน่นอน แต่ถ้าไม่ดีเราก็ต้องพร้อมที่จะรับมือกับมัน ก็ถ้าคิดว่าถ้าดีคือเป็นกำไรชีวิตไปต่อ แต่ถ้าไม่ดีก็เป็นประสบการณ์ถอดใจไหมคงไม่ถอด เพราะนี่มันคือเรื่องแรกก้าวแรกของจุ๋ยเอง จุ๋ยก็เลยยังมีกำลังใจอยู่ถึงแม้ว่าก่อนที่จุ๋ยจะมารับเรื่องนี้ จุ๋ย ถูกรับน้องไปด้วยสถานการณ์โควิด จุ๋ยต้องหมุนเงินของตัวเองกับพุฒิเนี่ยออกมาเพื่อซัพพอร์ตทีมงานในช่วงนั้นที่เขายังไม่ได้ทำงาน"
"แต่ว่าเขาต้องมีรายจ่ายรายได้เข้ากระเป๋าเขาเหมือนกัน ถ้าจะถูกรับน้องอีกทีในเรื่องของความชื่นชอบของคนดูก็เอาว่ะก็สู้นะสู้ไม่ถอยจุ๋ยบอกอย่างนี้แล้วกันอยากให้คนดูที่ได้ฟังสัมภาษณ์ในวันนี้อยากให้เปิดใจรับละครไทยซีรีส์ไทยบ้างอย่างเนี่ยค่ะ ถ้าเกิดคนที่ยังรู้สึกเหมือนว่าเบื่อละครบลาๆ หรือว่าคนที่รอดู คนที่รอดูไม่ต้องพูดถึงยังไงเขาก็รอดูเขาก็รักเราพร้อมเชียร์เรา"
"แต่คนที่แบบหรอดีหรือเปล่าอะไรอย่างเนี่ย อยากให้ลองเปิดใจดูสักครั้งนึง สักหนึ่งหรือสองตอนก็ได้ถ้าสนุกดูต่อบอกต่อให้หน่อย แต่ถ้าไม่สนุกวิจารณ์วิเคราะห์ติชมมาเลย จุ๋ยสามารถที่จะรับฟังได้และก็นำอะไรพวกเนี่ยไปปรับแก้ได้อยู่แล้วค่ะ แต่เพียงว่าอยากให้เปิดใจคนไทยด้วยกันคือเราเองเรามีการสนับสนุนจากระบบ หรือส่วนที่มันเป็นภาพใหญ่แบบนี้ แค่นี้มีการสนับสนุนเรื่องเงินแค่นี้"
"วัตถุดิบของเรานั่นคือนักแสดงและก็โลเคชั่นเรามีแบบเนี่ยเราเป็นไทยๆ ของเราแต่เราก็สู้สุดใจเราก็รักในอาชีพนี้เราก็รักในการทำงานของวงการบันเทิงไทยจุ๋ยก็อยากให้ทุกคนเปิดใจเพราะนี่ก็เป็นหนึ่งในอาชีพและก็หนึ่งในวิธีการดำเนินชีวิตของคนเบื้องหลังกองถ่าย ก็อยากให้ๆ กำลังใจกันดีไม่ดีก็ให้บอกกันเรานำไปปรับแก้ดีเรานำเป็นกำลังใจ ถ้าไม่ดีเราปรับปรุงแค่นี้เองง่ายๆ"