ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน กฎหมายจราจรทางบกที่มีการปรับแก้ใหม่ เป็นการกำหนดเกณฑ์ค่าปรับกลาง ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันเท่านั้น โดยเริ่มใช้ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563
วันนี้ (28 ส.ค. 63) - ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมคณะทำงานการพิจารณาบังคับใช้กฎหมาย ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ หลังราชกิจจานุเบกษา มีประกาศกำหนดจำนวนค่าปรับ ที่เริ่มบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ประกาศใหม่นี้ เป็นการกำหนดเกณฑ์ค่าปรับกลาง เพื่อเป็นการชำระค่าปรับด้วยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต ผ่านธนาคาร หรือหน่วยบริการรับชำระเงิน เนื่องจาก ตามกฎหมายจราจรที่มีการปรับแก้ไขใหม่ อำนวยความสะดวกให้ประชาชน ด้วยการเพิ่มช่องทางชำระค่าปรับมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องไปชำระค่าปรับ ณ พื้นที่ที่มีการกระทำความผิด จึงต้องมีการกำหนดอัตรากลางให้ทุกหน่วยงานที่รับชำระ ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน ยกเว้นสถานีตำรวจผู้ออกใบสั่ง ยังคงมีอำนาจว่ากล่าวตักเตือน หรือใช้ดุลยพินิจ แต่ต้องไม่เกินอัตราค่าปรับที่กำหนดไว้ตามประกาศ ยกเว้น ความผิดในข้อหา ควันเกินกำหนด ที่ต้องเสียค่าปรับเต็มอัตราสูงสุด 1,000 บาท เนื่องจาก เป็นปัญหากับสิ่งแวดล้อม รวมถึง แท็กซี่ทิ้งผู้โดยสาร หรือใช้เส้นทางอ้อมเกินควร ก็จะต้องเสียค่าปรับเต็มอัตราสูงสุด 1,000 บาทเช่นกัน เนื่องจาก กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ
ส่วนใบสั่งรูปแบบใหม่ จะเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นเพียงการเพิ่มรายละเอียดข้อความในแบบพิมพ์ใบสั่งใหม่ ให้สอดคล้องกับกฎหมายจราจรที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม เช่น เพิ่มเติมช่องทางชำระค่าปรับให้ประชาชนสามารถชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกท้องที่ ตลอดจน เพิ่มเติมเรื่องหน้าที่เจ้าของ ผู้ครอบครองรถ ว่า มีหน้าที่ต้องแจ้งต่อพนักงานสอบสวนว่าใครเป็นผู้ขับขี่ที่กระทำผิดตามใบสั่ง