อธิบดี ทส. ทำหนังสือถึงท้องถิ่น "ห้ามใช้น้ำบาดาลผิดประเภท"

นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และ ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) ทั่วประเทศ เรื่อง การใช้น้ำบาดาลประเภทอุปโภคหรือบริโภคขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอให้กำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่รับใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลประเภทอุปโภคหรือบริโภคต้องดำเนินการใช้น้ำบาดาลตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตใช้น้ำบาดาล ไม่ให้ใช้น้ำบาดาลเป็นวัตถุดิบหรือใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าของโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม หรือใช้ในสถานประกอบกิจการเชิงพาณิชย์อื่นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการใช้น้ำบาดาลของประชาชน

 

 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)

 

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวต่อว่า การใช้น้ำบาดาลกำหนดเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.เพื่ออุปโภคหรือบริโภค 2.เพื่อธุรกิจ และ 3.เพื่อเกษตรกรรม และตามประกาศของ ทส.เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ.2559 คือ ให้ใช้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้ในครัวเรือนหรือที่พักอาศัยรวมทั้งเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำประปาของ อปท.เพื่อบริการชุมชนสำหรับอุปโภคหรือบริโภค แต่ไม่รวมถึงใช้เป็นวัตถุดิบหรือใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าของโรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม เขตอุตสาหกรรม หรือในสถานประกอบกิจการเชิงพาณิชย์อื่นที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการใช้น้ำบาดาลเพื่ออุปโภคหรือบริโภคของประชาชน แต่ปรากฏว่า มี อปท.บางแห่งใช้น้ำบาดาลเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำประปาเพื่อบริการภาคอุตสาหกรรม ซึ่งไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลและอาจส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำเพื่ออุปโภคหรือบริโภคของประชาชนในชุมชน ซึ่งขัดต่อวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยน้ำบาดาล

 

นายศักดิ์ดากล่าวอีกว่า ดังนั้น ขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผอ.ทสจ.แจ้งให้ อปท.ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตใช้น้ำบาดาลเป็นประเภทอุปโภคหรือบริโภคให้ใช้น้ำบาดาลให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในใบอนุญาตใช้น้ำบาดาลเพื่อเป็นวัตถุดิบในการผลิตน้ำประปาเพื่อบริการชุมชนสำหรับอุปโภคหรือบริโภคเท่านั้น ตามวัตถุประสงค์และเจตนารมณ์ของกฎหมายว่าด้วยน้ำบาดาล ตลอดจนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการใช้น้ำเพื่ออุปโภคหรือบริโภคของประชาชนในชุมชน