ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
โควิด การแพร่ระบาดของโควิด-19 นับได้ว่าเป็นวิกฤติครั้งสำคัญของประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คนมากมาย คนกรุงส่วนใหญ่ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวและใช้ชีวิตในรูปแบบของการทำงานจากบ้าน หรือ Work from Home
แต่สำหรับใครอีกหลายๆ คน กลับไม่ได้โชคดีอย่างนั้น ท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ภาคธุรกิจต้องหยุดชะงัก ยังมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องหถูกพักงาน และบางคนก็ไม่มีงานให้กลับไปทำอีกแล้ว
นายจักรพันธ์ ช้อยสุชาติ หรือ ลุงพันธ์ หรือ วัย 65 ปี เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ตนทำงานรับจ้างอิสระ เป็นคนคุมงานก่อสร้าง ทำให้มีรายได้ที่ไม่แน่นอน ทำให้ชีวิตหลังเกษียณไม่ได้มีเงินเก็บมากนัก เงินสนับสนุนเดือนละ 600 บาทที่ได้รับจากภาครัฐ ก็ไม่เพียงพอที่จะจุนเจือครอบครัว จนกระทั่งตัดสินใจมาทำงานเป็นพนักงานส่งอาหารผ่านแกร็บเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก่อนที่โควิด-19 จะมาแพร่ระบาดในเมืองไทยได้ซักระยะ มีรายได้จากการส่งอาหารมาเลี้ยงครอบครัวได้เพิ่มขึ้น
แต่เมื่อสถานการณ์โควิดในไทยยังไม่คลี่คลาย บริษัทหลายที่ปิดกิจการ คนถูกเลิกจ้าง พักงาน จนทำให้หลายคนหันมาทำอาชีพขับรถส่งอาหารมากขึ้น รายได้ส่วนตัวอาจจะลดลงไป แต่ก็มองว่าทุกคนก็ลำบากเหมือนกัน
“ตั้งแต่เจอกับโรคระบาดโควิด-19 รายได้ก็ตกไป ถึงแม้ว่ายังมีลูกค้าสั่งอยู่สม่ำเสมอ แต่ตอนนี้มีคนมาขี่แกร็บส่งอาหารมากขึ้น ทำให้ต้องกระจายรายได้กันไป ทุกวันนี้ผมขับวันละประมาณ 10 เที่ยว ก็มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500-600 บาทต่อวัน ถือว่าน้อยลง แต่ก็เข้าใจได้นะ เราต้องแบ่งๆ กันไป” ลุงพันธ์ กล่าว
ลุงพันธ์เล่าต่อไปว่า ไม่มีใครแก่เกินจะเรียนรู้ ด้วยเป็นคนที่ชอบเล่นโซเชียลมีเดียและชอบเข้าไปอ่านข่าวสารจากโลกออนไลน์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้ตัวเองหมั่นศึกษาวิธีใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่นี้อยู่เสมอ แม้จะอยู่ในวัย 65 ปี แต่อายุก็ไม่ใช่อุปสรรค ก็ออกมาวิ่งงาน 6 วันต่อสัปดาห์ ตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม โดยเหลือวันหยุดประจำสัปดาห์ไว้หนึ่งวันเพื่อดูแลทำงานบ้าน
“ผมพยายามไม่หักโหม วิ่งเท่าที่ร่างกายเราไหว อายุเราไม่ใช่น้อยแล้ว แถมสุขภาพก็ไม่ดีเหมือนก่อน เราจึงต้องรู้จักประมาณกำลังของตัวเอง สำหรับผมที่ออกไปขับรถเกือบทุกวัน ผมพยายามหาเวลาให้ตัวเองพักระหว่างวัน อย่างช่วงที่ยุ่งมากๆ เหมือนช่วงนี้ กว่าจะได้กินข้าวกลางวันบางทีก็ปาเข้าไป 4 โมงเย็นแล้ว แต่เมื่อถึงเวลาต้องกินก็จะพักเลย นอกจากนั้นแล้วก็ต้องมีวันหยุดพักผ่อนให้ตัวเอง เวลาพักผ่อนผมก็จะออกกำลังกาย ไม่ก็ทำงานบ้าน การซักผ้า หรือกวาดถูกบ้านก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง”
“สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะบอกทุกคนก็คือ ต้องระวังความคิดของตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ความคิดหรือความเครียดบอกเราว่าเรา คือ คนไร้ค่า หมดประโยชน์ ไม่อย่างนั้นคุณจะจมดิ่งเลยนะ เมื่อไหร่ที่ตัวเองกำลังคิดอย่างนั้น ให้ลุกออกมา หาอะไรก็ได้ทำ ออกมาเจอคนอื่น เจอโลกข้างนอกบ้าง สำหรับผมของขวัญที่มากกว่ารายได้ ก็คือการที่ได้ออกมาพบกับลูกค้า กับเพื่อนร่วมอาชีพที่คอยให้มิตรภาพ ให้กำลังใจกัน ซึ่งช่วยได้มาก” ลุงพันธ์ กล่าว
สุดท้าย ลุงพันธ์ ทิ้งท้ายว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ไม่เคยมีใครพบเจอมาก่อน ไม่มีใครรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป หรือจะจบเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือ “หัวใจ” ของทุกคนที่ต้องต่อสู้อย่างไม่ท้อถอย เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป แล้ว #เราจะผ่านมันไปด้วยกัน