svasdssvasds

KGI แซง ภัทร ขึ้นเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์ หลังสั่งห้ามชอร์ตเซลชั่วคราว

KGI แซง ภัทร ขึ้นเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์   หลังสั่งห้ามชอร์ตเซลชั่วคราว

บล.ภัทร’ เสียแชมป์เบอร์ 1 ‘มาร์เก็ตแชร์’ ลดมาอยู่อันดับ 3 ที่ 10.84% หลังเข้มชอร์ตเซลชั่วคราว ขณะที่ บล.เคจีไอ ขยับขึ้นแท่นเบอร์ 1 แทน

SHORT CUT

บล.ภัทรเสียแชมป์มาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 เหลือ 10.84% ร่วงมาอยู่อันดับ 3 หลังตลาดห้ามชอร์ตเซลชั่วคราว
บล.เคจีไอขึ้นแท่นอันดับ 1 แทน ด้วยแรงหนุนจากธุรกรรม DW ที่ยังดำเนินการได้ตามปกติ
มาตรการห้ามชอร์ตจะสิ้นสุดหลังสงกรานต์ 16 เม.ย. 2568 ตลาดหุ้นไทยเริ่มฟื้นก่อนเพื่อนในภูมิภาค

บล.ภัทร’ เสียแชมป์เบอร์ 1 ‘มาร์เก็ตแชร์’ ลดมาอยู่อันดับ 3 ที่ 10.84% หลังเข้มชอร์ตเซลชั่วคราว ขณะที่ บล.เคจีไอ ขยับขึ้นแท่นเบอร์ 1 แทน

ภายใต้กระแสลมแรงแห่งความผันผวนในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก อันเนื่องจากนโยบายภาษีตอบโต้ที่ส่งผลสะเทือนเป็นวงกว้าง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงดำเนินมาตรการ ประกาศห้ามขายชอร์ตหลักทรัพย์ทุกประเภทเป็นการชั่วคราว เพื่อสกัดกั้นความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาจำกัด ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน และมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 11 เมษายน 2568

เมื่อพายุพัด โครงสร้างตลาดเปลี่ยน 

ผลพวงจากมาตรการดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในขั้วอำนาจของบรรดาบริษัทหลักทรัพย์อย่างน่าจับตา บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ บล.ภัทร ที่เคยยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดอันดับหนึ่ง กลับต้องเผชิญกับภาวะเสียเปรียบอย่างชัดเจน ส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงมาอยู่ที่ 10.84% ร่วงลงไปอยู่อันดับ 3 ในทันที

ในขณะที่ บล.ภัทร ประสบกับภาวะดังกล่าว บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กลับฉวยโอกาสทะยานขึ้นสู่บัลลังก์เบอร์หนึ่งได้อย่างน่าประหลาดใจ 

KGI แซง ภัทร ขึ้นเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์   หลังสั่งห้ามชอร์ตเซลชั่วคราว

 บล. 5 อันดับแรก ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด

• อันดับ 1 เคจีไอ  มาร์เก็ตแชร์   11.45 %  มูลค่าการซื้อขาย  11,012 ล้านบาท  
• อันดับ 2 เมย์แบงก์  มาร์เก็ตแชร์ 11.28 % มูลค่าการซื้อขาย 10,848 ล้านบาท
• อันดับ 3 เกียรตินาคินภัทร  มาร์เก็ตแชร์ 10.84 % มูลค่าการซื้อขาย 10,420 ล้านบาท
• อันดับ 4 ยูบีเอส มาร์เก็ตแชร์ 6.82 % มูลค่าการซื้อขาย 6,582 ล้านบาท 
• อันดับ 5 เจพีมอร์แกน มาร์เก็ตแชร์ 6.53 มูลค่าการซื้อขาย 6,281 ล้านบาท   

(ข้อมูล ณ วันที่ 9 เม.ย. 68) 

เบื้องลึกกลไกการเปลี่ยนแปลง

“กิจพณ ไพรไพศาลกิจ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ได้ให้ทัศนะต่อปรากฏการณ์นี้ว่า มาตรการห้ามชอร์ตเซลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ บังคับใช้ โดยมีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่เป็น Market Maker ในผลิตภัณฑ์ DW (Derivative Warrants) นั้น ส่งผลโดยตรงต่อโครงสร้างส่วนแบ่งทางการตลาด

บล.ภัทร ซึ่งมีฐานลูกค้าเป็นนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่ใช้ระบบ Direct Market Access (DMA) เป็นจำนวนมาก ทำให้ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มนี้ไม่สามารถใช้กลยุทธ์ชอร์ตเซลได้ในช่วงเวลาดังกล่าว ปริมาณการซื้อขายของ บล.ภัทร จึงลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ในทางตรงกันข้าม บล.เคจีไอ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ DW ทั้งประเภท Call และ Put ในปริมาณมาก ทำให้ยังคงสามารถดำเนินธุรกรรมในฐานะ Market Maker ได้ตามปกติ ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน นักลงทุนจำนวนมากหันมาให้ความสนใจกับ Put DW เพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือเก็งกำไรในช่วงขาลง ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายของ บล.เคจีไอ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนแบ่งทางการตลาดจึงขยับขึ้นจากระดับ 7-8% มาอยู่ที่ 11-12% ในช่วงเวลาอันสั้น

ล่าสุด พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง เปิดเผยว่า มาตรการเพื่อรองรับความผันผวนตลาดหุ้นชั่วคราวของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะถูกยกเลิกเมื่อกลับมาเปิดเทรดในช่วงหลังหยุดยาวช่วงสงกรานต์ หรือ 16 เม.ย. 2568

“ตลาดหุ้นไทยแม้ว่าจะลงมามากเช่นเดียวกับตลาดทั่วโลกที่ตอบรับมาตรการภาษีตอบโต้การของสหรัฐ แต่ตลาดไทยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา เกือบจะเป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคนี้ที่ SET กลับมาเป็นบวก ขณะที่ทุกประเทศยังเป็นลบ แปลว่าเราเตรียมการมาดี”

ที่มา : bangkokbiznews

related