พระเมธีวชิโรดม - ว.วชิรเมธี ออก จดหมายเปิดผนึก ชี้ ไวรัสโคโรน่า ยืนยันว่าธรรมชาติมีหมัดเด็ดไว้ปราบมนุษย์ที่อหังการ แต่จงอย่าสิ้นหวัง
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 63 ที่ผ่านมา พระเมธีวชิโรดม หรือ ว.วชิรเมธี พระนักวิชาการ นักคิด นักเขียน และนักบรรยายธรรม ได้ออกมาเผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงมวลมนุษยชาติผู้เป็นที่รักท่ามกลางวิกฤตไวรัสโคโรน่า ลงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 โดยระบุว่า
จดหมายเปิดผนึก ถึงมวลมนุษยชาติผู้เป็นที่รักท่ามกลางวิกฤติไวรัสโคโรน่า
3 กุมภาพันธ์ 2563 “จงอย่าสิ้นหวัง-จงอย่าหมดศรัทธาในชีวิต”
07.09 น. บนที่นั่งหมายเลข 31K ของสายการบินไทยสไมล์ เที่ยวบินที่ WE 020 จากสนามบินสุวรรณภูมิ/กรุงเทพฯ สู่ จังหวัดอุบลราชธานี
ทอดตามองออกไปข้างนอกหน้าต่าง
ในอากาศมีแต่ผงคลีธุลีดินขาวขุ่นอบอวลเป็นมวลหมอกอยู่ทั่วท้องฟ้า
แม้อากาศจะยังคงหนาวเหมือนอยู่ในฤดูหนาวอันแสนโรแมนติก
แต่ไม่อาจทำใจให้รู้สึกสดชื่นรื่นเย็นได้เหมือนกำลังอยู่ในสายลมหนาว
เพราะหมอกสีขาวขุ่นที่เห็นข้างนอกนั้น แท้จริงแล้วไม่ใช่หมอกหรอก
หากแต่แต่เป็นฝุ่น pm2.5 ซึ่งเต็มไปด้วยอันตราย
ทอดตามองไปยังผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยกันในเครื่องลำนี้
ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ไม่ซ่อนใบหน้าของตัวเองไว้เบื้องหลังหน้ากากสีขาว
แอร์โฮสเตสทุกคนที่กำลังทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง
ต่างก็สวมหน้ากากปิดหน้าครึ่งหนึ่ง
ช่วงเวลานี้ (เวลาที่ไวรัสโคโรนาระบาด)
เป็นนาทีแห่งชีวิต
ไม่มีใครคิดถึงเรื่องความสวยความงามหรือนึกเป็นห่วงภาพลักษณ์
ที่มีหน้ากากปิดหน้าปิดตาอยู่ครึ่งใบหน้า
ทุกคนคิดถึงแต่ความอยู่รอดปลอดภัยแห่งชีวิตเป็นสำคัญ
เราทุกคนในโลก
ต่างกำลังถูกต้อนให้เจริญมรณานุสติโดยพร้อมเพรียงกัน
การมาถึงของไวรัสโคโรนา
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ยืนยันว่า ธรรมชาติยังคงมีหมัดเด็ดไว้ปรามมนุษย์
ที่เต็มไปด้วยความอหังการเสมอ
แต่ท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างคนกับภัยธรรมชาติ
ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มนุษยชาติ
ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นสายพันธุ์ชั้นยอดของตน
นั่นคือ การไม่ทอดทิ้งกันในยามวิกฤติ
การมีความรัก มีความเห็นอกเห็นใจให้กัน
อย่างปราศจากการเลือกปฏิบัติ
และการยอมเสียสละแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองเพื่อให้ผู้อื่นมีชีวิตรอด
ของแพทย์และอาสาสมัครมากมายนับไม่ถ้วน
ทุกครั้งที่โลกเผชิญกับเรื่องราวเลวร้าย
ในอีกด้านหนึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็ดึงเอาด้านที่งดงามที่สุด
ที่มีอยู่ในตัวมวลมนุษยชาติออกมาให้เป็นที่ปรากฏด้วยเช่นกัน
เคยมีนักคิดคนหนึ่งกล่าวว่า
หากเทียบวันเวลาโดยเฉลี่ยของมนุษย์กับอายุของโลกใบนี้
เราแต่ละคนมีเวลาเฉลี่ยเพียงคนละ ๓ นาทีเท่านั้น
เวลาของเราไม่ยาวนานอย่างที่คิด
เรามีเวลาจำกัด
ท่ามกลางเวลาแสนจำกัดนี้
ยังมีภัยคุกคามอีกสุดคณานับ
ทุกย่างก้าว
ต้องใช้อย่างระมัดระวัง
ใช้อย่างทะนุถนอมชีวิต
เพราะไม่มีสิ่งใดจะทรงค่าทรงความสำคัญยิ่งไปกว่าชีวิตอีกแล้ว
หากชีวิตยังคงอยู่
ไม่ว่าจะยากลำบากแค่ไหน
แต่ทุกอย่างยังคงเต็มไปด้วยความเป็นไปได้
แต่หากชีวิตแตกดับลงไป
ละครแห่งชีวิตก็จบ
โลกไม่มีเรา โลกจะยังคงหมุนต่อไป
แต่หากเราไม่มีเรา
ทุกอย่างก็เป็นอันปิดฉาก
แต่...ตอนนี้เรายังคงมีลมหายใจอยู่
ลองหายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ ดูสิ
แม้จะเป็นลมหายใจเบื้องหลังหน้ากากที่ชวนอึดอัด
แต่นี่ก็ยังคงเป็นของขวัญที่แสนวิเศษ
เนื่องเพราะเรายังคงมีชีวิตอยู่
การได้มีโอกาสเกิดมาเป็นคนไม่ใช่ของง่าย
เมื่อได้โอกาสนี้มาแล้วควรรักษาไว้ให้ดี
“ชีวิตเป็นของขวัญที่ดีที่สุดของชีวิตด้วยตัวมันเองอยู่แล้ว”
เพราะตราบใดที่ยังคงมีชีวิต
เราจะยังคงมีความฝัน
เราจะยังคงมีโอกาส
เราจะยังคงมีความรัก ความสุข
มิตรภาพ ครอบครัว การงานอันเป็นที่รัก
หรือมีทุกอย่างที่เรากำลังใฝ่ฝันถึงในอนาคต
ไม่ว่าจะตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากขนาดไหน
ไม่ว่าคืนวันแห่งวิกฤติจะยาวนานเพียงไร
ก็จงอย่าสิ้นหวังที่จะรักษาชีวิตเอาไว้
จงอย่าสิ้นหวังที่จะฝ่าฟันความยากลำบากไปด้วยกัน
ฝนไม่ตกทุกวัน
พายุไม่กระหน่ำทุกคืน
แผ่นดินไม่ไหวทุกสัปดาห์
ไม่เร็วก็ช้า ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน
ขอให้เราทุกคนมาสู้ไปด้วยกันเถิด
อีกไม่นานไวรัสโคโรน่าก็จะผ่านพ้นไป
เหมือนเรื่องเลวร้ายทั้งหลายที่ผ่านเข้ามาแล้วก็จะผ่านไป
และวันเวลาแห่งความสุข ความสดชื่นรื่นรมย์
ก็จะคืนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
จงอย่าสิ้นหวัง
จงอย่าหมดศรัทธาในสติปัญญาของมวลมนุษย์
ที่กำลังร่วมมือกันแก้ไขวิกฤติอย่างเต็มขีดความสามารถ
และจงอย่าหมดศรัทธาที่จะหยัดยืนขึ้นมาเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุข
ว.วชิรเมธี
3 กุมภาพันธ์ 2563