แก้ปัญหาปาล์มน้ำมัน "สนธิรัตน์" ดันB10 ปฎิรูปน้ำมันบนดิน เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาของประเทศ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม
วันที่ 21 ตุลาคม 2562 บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป ประกอบด้วย ฐานเศรษฐกิจ กรุงเทพธุรกิจ คมชัดลึก และกระทรวงพลังงาน จัดสัมมนา “B10 ปฎิรูปน้ำมันบนดิน เพื่อเศรษฐกิจฐานราก” ณ ห้องรอยัลมณียา บอลรูม โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดการสัมนาและปาฐกถาพิเศษ
นายสนธิรัตน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า นโยบายของรัฐบาลชัดเจนในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้สังคมไทย ซึ่งในเรื่องนโยบาย B10 เป็นหัวใจสำคัญในการแก้ปัญหาของประเทศ เพราะสังคมไทยเป็นสังคมเกษตรกรรม ปาล์มน้ำมันเป็นหนึ่งใน 5 พืชเศรษฐกิจของไทย ที่ผ่านมาเราแก้ปัญหากันมานานมาก แต่ไม่สำเร็จเพราะซัพพลายในประเทศเกินอยู่ 4-5 แสนตัน ขณะที่ซัพพลายที่เหมาะสมอยู่ที่ 2.5 แสนตัน ดังนั้นการแก้ปัญหาคือสร้างความสมดุลให้ดีมานด์และซัพพลาย ด้วยการนำปาล์มเป็นส่วนผสมในดีเซล แต่ก็ต้องยอมรับว่าการดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ดีเซลมีต้นทุนสูงขึ้น แต่รัฐบาลจะเข้าไปอุดหนุน และยืนยันจะดำเนินการเรื่องนี้ เพราะเป็นการสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในภาพรวม
"เราต้องการสร้างสมดุลให้เกษตรของไทย เพพราะประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบ 90% จากการใช้งานของเรา แต่ขอแก้ข่าวว่าประะเทศไทยไม่ได้มีน้ำมัน ที่เห็นว่าเราส่งออกได้ขออย่าเข้าใจผิด น้่นเป็นน้ำมันดิบที่เรากลั่นแล้วส่งออกในส่วนที่เหลือ เห็นเดินขบวนบอกว่าเราส่งออกได้ทำไมถึงใช้น้ำมันแพง"
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า B10 จะช่วยลดปริมาณการนำเข้านำมันที่ต้องจ่ายเงินออกนอกประเทศ เราลดส่วนนี้เพื่อเพิ่มรายได้เกษตรกร เป็นหัวใจใหญ่ที่ต้องขับเคลื่อนให้สำเร็จ การทำไบโอดีเซลช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 จะไม่มีทางแก้ได้เลยเพราะมีการเผาผลาญสูงมากในรถยนต์ แต่รถยนต์ที่เติมไบโอดีเซลจะช่วยได้ไม่เช่นนั้นต้องใช้งบอีกเท่าไรในการแก้ปัญหา สิ่งเหล่านี้ต้องส่งสัญญาณชัดเจนว่าคือทิศทางของประเทศไทย
นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า น้ำมันบนดินจะใช้ประโยชน์ได้เพื่ือแก้ปัญหาเศรษฐกิจผลผลิต 1 ใน 3 จะเพื่อการบริโภค แต่อีก 2 ใน 3 จะให้ภาคขนส่งเป็นหัวใจใหญ่มากในการนำไปสู่การแก้ปัญหาที่สำคัญ เพราะปัญหาของน้ำมันปาล์มดิบ(CPO) เจอลักลอบการนำเข้า ที่ฝังรากกับการแก้ไขปัญหามาตลอด ในที่ประชุมกบง. มีการแลกเปลี่ยนกับปลัดกระทรวงพาณิชย์เรื่่อง B10 ซึ่งกระทรวงพลังงานขอเคลียร์ว่าเมื่อ B10 เป็นนโยบายแล้วจะป้องกันการลักลอบอย่างไร ถ้าเดินนโยบายไม่ดี โอกาสของ CPO ในประเทศปริ่มและอาจจะขาดในบางเรือ่ง จึงขอกระทรวงพาณิชย์ 2 เรื่องว่าเมื่อนโยบายเดินแล้ว 1.ต้องตรวจเข้มสต๊อก CPO ในประเทศ อย่าให้เกิดปัญหาว่าต้องลดเหลือ B7 หรือ B5 2.ดูแลเรื่องลักลอบนำเข้า ต้องจริงจังเรื่องนี้ เมื่อนโยบายนี้เห็นชอบแล้ว กระทรวงพลังงานจะขอดูแลสต๊อก B100 ด้วยตัวเอง จะคุมสต๊อกด้วยตัวเอง ทำให้ไม่มีโอกาสลักลอบพืชพลังงาน ถ้าคุมตรงนี้ได้แปลว่าเกษตรกรอุ่นใจได้ว่าผลผลิตที่ลงไปแก้ปัญหาได้รับการดูแล ทำอย่างไรจะทำให้สมดุลราคาลงไปสู่เกษตรกรอย่างแท้จริง
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า อนาคตปาล์มน้ำมันจะนำไปสู่ความมั่งคั่งของประเทศคือไบโออีคอโนมี ราคา CPO อาจจะราคาดีขึ้น แต่พูดอย่าไปปลูกปาล์มน้ำมันกันทั้งหมดแล้วปลูกปาล์มแล้วจะรวย แต่เล่าว่านโยบายเป็นอย่างนี้ ที่อาจจะนำไปสู่คอนแทคฟาร์มมิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เป็นปัญหาราคาตกต่ำในอนาคต ที่จะต้องดูต่อไปในอนาคต
"B10 เป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงานของประเทศไทย สร้างความมั่นคงของเกษตรกร เป็นนโยบายที่ตั้งใจแก้ปัญหาจริงๆ และพี่น้องประชาชนรอความหวัง อยากเห็นทุกฝ่ายช่วยกัน เพราะทิศทางนโยบายต้องร่วมมือร่วมใจช่วยกัน ตั้งใจว่า B10 คือทางออกที่สำคัญของตัวไบโอฟูเอลของประเทศไทย"
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อไปว่า ต่อไปคือแก๊สโซฮอล์ ที่จะแก้ปัญหาคืออ้อยและมันสำปะหลัง แต่อ้อยจะเป็นตัวใหญ่มากกว่ามันสำปะหลังที่มีความต้องการใช้น้อย เป็นเรื่องต่อไปที่กระทรวงพลังงานจะต้องเดินหน้าเรื่องนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทั้งนี้ได้ส่งสัญญาณกับค่ายรถยนต์ทุกค่ายให้เตรียมรถยนต์เข้าสู่กลไกลตัวนี้ รวมทั้งเรื่องมาตรฐานยูโร 4 และ ยูโร5 ต่อไป
"เจตนาวันนี้ต้องการบอกนโยบายที่ชัดเจนให้ทุกฝ่ายปรับตัวในการนำไปสู่นโยบาย เป็นนโยบายที่มีประโยชน์ช่วยประเทศ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจฐานราก นำอากาศที่ดีคืนสู่เมืองหลวง การสูญเสียเงินตราให้ต่างประเทศกลับมาสร้างความมั่งคั่งของประเทศ"