พรรคเพื่อไทย เตือนคนไทยอาจต้องจ่ายค่าโง่ กรณีหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตาม ม.44 ปิดเหมืองทอง ซึ่งเอกชนอยู่ระหว่างเรียกร้องค่าเสียหาย 30,000 ล้านบาท
นายชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย มองว่า นอกจากค่าโง่กรณีโฮปเวลล์ ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้รัฐบาลไทย ชดใช้ค่าเสียหาย แก่บริษัท โฮปเวลล์ เป็นเงินกว่า 11,000 ล้านบาทแล้ว
คนไทยอาจต้องต้องจ่ายค่าโง่จากกรณี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง คสช.ที่ 72/2559 ยกเลิกสัมปทานเหมืองทองคำชาตรีของ บริษัท อัครา รีซอร์ทเซส ที่มี บริษัท คิงส์เกท คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ด จากออสเตรเลีย เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คล้ายกับการยกเลิกสัญญาสัมปทานโฮปเวลล์ ซึ่งบริษัทดังกล่าว ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลไทยต่อคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศฐานละเมิดข้อตกลงเขตการค้าเสรี ไทย- ออสเตรเลีย หรือ TAFTA เรียกค่าเสียหาย เป็นเงิน 30,000 ล้านบาท
หากคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศวินิจฉัยให้รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายแพ้คดี จะทำให้ไทยอาจต้องจ่ายค่าโง่ 30,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศที่จะต้องร่วมกันชดใช้ และยังเป็นการ ทำลายความเชื่อมั่นในการลงทุนของเอกชน ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งแสดงให้เห็นว่าก่อนที่ภาครัฐจะตัดสินใจให้เอกชนทำโครงการอะไรต่างๆ มักไม่มีการสอบถามชาวบ้านตามหลักประชาธิปไตยอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนไทยต้องจ่ายค่าโง่หลายครั้ง