ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วันนี้ ( 13 ก.พ.) นายคุ้มพงษ์ ภูมิภูเขียว หรือ ทนายแดง ตัวแทนกลุ่มรักษ์เมืองเลย กล่าวว่า ทางเครือข่ายของเราจุดประเด็นของกลุ่มนายทุนที่เข้ามาก่อสร้างรีสอร์ทหรูกลางหุบเขามา เมื่อปี 2538-2539 เนื่องจากได้พบเห็นมีการใช้เครื่องจักรเครื่องกล ขุดระเบิดหิน บริเวณภู ก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร ประชาชนจึงร้องมาที่กลุ่มรักษ์เมืองเลย ทางกลุ่มจึงร้องไปยังหน่วยงานราชการในตัวจังหวัด แต่เรื่องก็เงียบจึงได้เสนอเรื่องไปยัง คณะกรรมการสภาผู้แทนด้านสิ่งแวดล้อม และได้มีการลงตรวจสอบพื้นที่ จึงได้ทราบว่าเป็นโครงการของเอกชน ในนามของ นายชัยยุทธ กรรสูต แต่ไม่มีใครทำอะไรได้
จากกรณีที่เกิดขึ้นจึงทำให้มีกระบวนการตรวจสอบเกิดขึ้น พบเอกสิทธิ์ นส. 3 ก เป็นที่ดิน 147 แปลง และมีบางส่วนเป็นโฉนดที่ดิน รวมแล้วกว่า 3,000-4,000 ไร่ แต่ยังมีความเคลือบแคลงเพราะที่ดินบริเวณนี้ชาวบ้านพยายามที่ จะออก นส. 3 ก แต่ไม่สามารถทำได้
จึงมีการตรวจสอบจากกรมที่ดินอย่างจริงจังอยู่หลายปี ได้รับคำตอบใน ปี 2546 ว่า กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ไปแล้ว 147 แปลง โดยคำสั่งของกรมที่ดิน ครอบคลุมไปถึง "รังเย็น รีสอร์ท" แต่จากการที่ผมขึ้นไปตรวจสอบเมื่อวันเสาร์(10 ก.พ.) ยังให้บริการปกติ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่ามีการเพิกถอนที่ดินแล้ว แต่เมื่อกลางปี 60 ได้มีการออกเอกสารสิทธิ์อีกครั้ง นายคุ้มพงษ์ เผยว่า เป็นคนละพื้นที่ต่างตำบลใน อ.ภูเรือ มีเนื้อที่ประมาณ 3-500 ไร่ แต่ในพื้นที่ 147 แปลงนี้ มี "รังเย็น รีสอร์ท" ซึ่งอยู่ในเขตอาณาจักรภูเรือวโนทยาน โดยพื้นที่นี้มีการกั้นอ่างเก็บน้ำ เปรมชัย1 เพื่อใช้ส่วนตัว ขณะที่ "ชาโต้ เดอ เลย" ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่นี้ รวมไปถึง "ภูเรือ รีสอร์ท" ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับพื้นที่นี้
สุดท้าย นายคุ้มพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า อำนาจหน้าที่ของเราในภาคประชาชนใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 57 ปกป้องคุ้มครองช่วยรัฐตามนโยบาย ก็คงจะร้องเรียนไปเรื่อยๆ หากสุดท้ายไม่ได้ก็จะมีกระบวนการตามกฏหมาย