ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
จากกรณีอุบัติเหตุผู้ป่วยโรคลมชักอาการกำเริบก่อนจะขับรถพุ่งชน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก ที่ จ.ชลบุรี ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกเดินหน้าแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อกำหนดเงื่อนไขการขอใบอนุญาตขับขี่ ให้เพิ่มกลุ่มโรคที่เสี่ยงจะเกิดอันตรายในการขับขี่
กลายเป็นภาพสะเทือนขวัญกับเหตุรถกระบะที่ขับโดยนายอัครเดช อุดมรัตน์ พุ่งชนรถจักรยานยนต์หลายคัน กลางเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เจ็บอีก 15 ราย เมื่อเช้าวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา คนขับหวิดถูกรุมประชาทัณฑ์ ผลตรวจในเบื้องต้นไม่พบแอลกอฮอล์ในเลือดของผู้ขับขี่ แต่เขารับว่าเคยเสพยาเสพติดมาก่อนหน้าและเลิกแล้ว เหตุครั้งนี้เกิดเพราะอาการลมชักกำเริบ
สังคมตั้งคำถามทันที ว่าเป็นลมชัก แล้วได้ใบขับขี่ มาได้อย่างไร
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าโรคลมชัก เป็นความผิดปกติทางสมอง ผู้ป่วยสามารถแสดงอาการชักได้โดยไม่มีสัญญาณล่วงหน้า ในจำนวนการเกิดอุบัติเหตุ ร้อยละ 18 เป็นอาการชักที่เกิดเป็นครั้งแรก
โรคลมชัก เป็น 1 ใน 9 โรค ที่แพทย์มองว่าอาจเป็นอันตรายหากขับขี่ยานพาหนะ เพราะส่งผลต่อสมรรถภาพการควบคุม และการขับขี่โดยตรง แต่เวลานี้มีโรคต้องห้ามในการขับขี่เพียง 5 โรค เท่านั้นที่ถูกบรรจุในระเบียบการขอใบอนุญาตขับขี่
ที่ผ่านมากรมการขนส่งทางบกพร้อมแพทยสภาได้หารือร่วมกันมาแล้วหลายครั้ง ภายใต้พระราชบัญญัติกรมการขนส่งทางบก แต่ยังไม่ตกผลึกบังคับใช้ เนื่องจากในทางปฏิบัติยังมีข้อจำกัด เพราะผู้ขับขี่หลายรายไม่ทราบว่าตัวเองมีโรคประจำตัว ที่สำคัญผู้ขับขี่บางคนแจ้งข้อมูลเท็จเพียงเพื่อต้องการใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก
ล่าสุดกรมการขนส่งทางบกและตำรวจ เตรียมเสนอยกร่างกฎหมาย สำหรับผู้ขอใบอนุญาตขับขี่ใหม่ และโรคลมชัก เป็น 1 ในโรคต้องห้ามที่อาจถูกบรรจุในการยกร่างดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนน เพราะการขับขี่จำต้องใช้ประสาทสัมผัสหลายอย่าง ทั้งสติ กำลังแขนขา การตัดสินใจ หากร่างกายไม่พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงอันตรายต่อตัวเอง แต่จะส่งผลอันตรายถึงผู้อื่นด้วย
ทีมข่าวจริง สปริงนิวส์ รายงาน