ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
วันนี้ ทีมข่าว ขอนำเสนอบทความสุขภาพ เรื่องอาหารที่ห้ามกินคู่กัน อะไรห้ามกินคู่กับอะไร มีการเพิ่มเนื้อหาที่เสริมความมีเหตุผลเข้าไปมากขึ้น ใช้ความรู้ลึกขึ้น และทำให้เราระวังตัว ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองได้รอบตัวมากขึ้น ไปดูกันว่า บทความสุขภาพ ที่อ่านไม่เกิน 5 นาทีนี้ จะมีอะไรที่เป็นความรู้ใหม่แก่ท่านบ้างค่ะ
อาหาร ผัก ผลไม้ สมุนไพรที่ห้ามกินคู่กัน
แอลกอฮอล์ + ทุเรียน = ร้อนในรุนแรง
สาเหตุ : เพราะว่าในทุเรียนมีซัลเฟอร์มาก ทำให้เกิดความร้อนรุนแรงขึ้นในกระเพาะ ทำให้ช็อกได้
วิธีแก้ : ให้รีบดื่มน้ำเย็นจำนวนมากๆ ถ้าอาเจียนออกมาได้ ก็จะทุเลาลง (ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ให้รีบนำส่งแพทย์)
แอลกอฮอล์ + อาหารเผ็ด = ภูมิแพ้หรือเป็นความดันสูง
สาเหตุ : เพราะทั้งแอลกอฮอล์และสารในพริก เร่งให้การไหลเวียนโลหิตมีมากขึ้น ผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือเป็นความดันสูง จึงต้องระวังเป็นพิเศษ (ทานสุรากับกับแกล้มเผ็ดๆ)
เหล้า + มัสตาร์ด = เกิดอาการแพ้
สาเหตุ : แอลกอฮอล์และสารให้รสเผ็ดในมัสตาร์ด ทำหน้านี้กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ดีเกินไป จนกระทั่งก่อให้เกิดอาการแพ้ ใครที่มีอาการแพ้ของบางอย่างอยู่แล้ว ต้องระวัง
ของทอด + แตงโม = ท้องเสีย
สาเหตุ : ของทอดเป็นอาหารอมน้ำมันมาก หากกินร่วมกับแตงโม ซึ่งมีคุณสมบัติมีน้ำมาก ช่วยระบาย และทำให้ภายในตัวเย็น จะทำให้ในกระเพาะมีทั้งน้ำมันและน้ำมาก รวมทั้งเส้นใยที่ช่วยระบาย ทำให้ท้องเสียได้ง่าย
ปู + ลูกพลับ = ท้องเสีย
สาเหตุ : ชาวจีนทราบดีว่า กินปูร่วมกับลูกพลับไม่ได้ เพราะอาหารทั้งสองนี้ มีคุณสมบัติ ทำให้ภายในตัวเย็นลง คือ ช่วยระบาย ใครที่จัดอยู่ในประเภทขี้หนาว ห้ามกินเด็ดขาด อาจท้องเสียรุนแรง
ปู + น้ำแข็งใส = ท้องเสีย
สาเหตุ : ปูมีคุณสมบัติทำให้ภายในตัวเย็นลง เมื่อกินร่วมกับน้ำแข็งใส (หรือไอศกรีม) จึงท้องเสียง่าย คนท้องเสียง่ายควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง
เนื้อหมู + ไอศกรีม = ย่อยและดูดซึมยาก
สาเหตุ : เนื้อหมูเป็นโปรตีน ที่ต้องใช้เวลาย่อย คือย่อยยาก ยิ่งกินร่วมกับของเย็นๆ เช่น ไอศกรีม จะทำให้กระเพาะเย็นและทำงานด้อยลง การกินอาหารสองอย่างนี้ร่วมกัน จึงเป็นการสร้างภาระให้กับกระเพาะ
ก๋วยเตี๋ยว + ข้าวสวย = อ่อนเพลีย อ้วนง่าย
สาเหตุ : ทั้งเส้นก๋วยเตี๋ยวและข้าวสวย เป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ร่างกายต้องใช้วิตามินบี 1 ในการย่อยอาหาร เมื่อกินคาร์โบไฮเดรตหรือแป้งมาก หรือกินจนอิ่มแปล้ ร่างกายก็ต้องใช้วิตามินบี 1 ในการย่อยมาก ทำให้ขาดวิตามินดังกล่าว ผลของการขาดวิตามินบี 1 ก็คือ อ่อนเพลีย ง่วงนอน และอ้วนง่าย เป็นที่มาของ “หนังท้องตึง หนังตาหย่อน”
น้ำแครอท + น้ำผัก = สูญเสียวิตามินซี
สาเหตุ : เอนไซม์ Ascorbinase ของแครอท ทำลายวิตามินซีที่อยู่ในผักต่างๆ ถ้าต้องการ ทำน้ำผัก ไม่ควรใส่แครอท ควรทำน้ำแครอตแยกต่างหากจะดีกว่า
มะเขือเทศ + แตงกวา = วิตามินซีถูกทำลาย
สาเหตุ : เอนไซม์ Ascorbinase ของแครอท ทำลายวิตามินซีที่อยู่ในผักต่างๆ ถ้าต้องการ ทำน้ำผัก ไม่ควรใส่แครอท ควรทำน้ำแครอตแยกต่างหากจะดีกว่า
หัวไช้เท้า + แครอท = ร่างกายได้รับวิตามินซีน้อยลง
สาเหตุ : ถ้ากินผักทั้งสองในรูปของผักสด เอนไซม์ในแครอทดิบ จะทำลายวิตามินซี ของหัวไช้เท้า
นม + อาหารที่มีเส้นใยสูง = ร่างกายได้รับแคลเซียมน้อยลง
สาเหตุ : เส้นใยมีหน้าที่ดูดซับไขมัน ถ้าดื่มนม เส้นใยก็จะจับแคลเซียมในนมก่อนขับถ่ายออกจากร่างกายด้วย ทำให้รับแคลเซียมไม่ดีพอ จึงควรเลี่ยงการดื่มนมร่วมกับ อาหารที่มีเส้นใยสูง หรือควรกินคนละช่วงเวลาจะดีกว่า
ชา กาแฟ (มีสารทันนิน) + ลูกพรุน = ได้ธาตุเหล็กจากลูกพรุนน้อย
สาเหตุ : ลูกพรุนมีธาตุเหล็กมาก แต่สารทันนินมีสรรพคุณขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก จึงไม่แนะนำให้กินร่วมกัน แต่แนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้ 100 % ร่วมกับลูกพรุนจะดีกว่า
ปวยเล้ง + เบคอน = ร่างกายได้รับธาตุเหล็กน้อยลง อันตรายต่อสุขภาพ
สาเหตุ : กรดฟอสฟอริคในเบคอนเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก และแคลเซียม ในปวยเล้ง กรดไนตริกในปวยเล้งจะเปลี่ยนเป็นกรดดินประสิว หากกินร่วมกับเบคอน บางชนิด อาจก่อให้เป็นสารก่อมะเร็งตามมาภายหลังได้
ไข่ต้ม + เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน = ร่างกายได้รับธาตุเหล็กน้อยลง
สาเหตุ : คาเฟอีนจะจับตัวกับสารซัลเฟอร์ในไข่ต้ม แล้วขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก หากต้องการกินร่วมกับไข่ ควรกินร่วมกับไข่ดาวจะดีกว่า
น้ำส้มสายชู + ผักที่มีแคโรทีนมาก = สูญเสียแคโรทีน
สาเหตุ : น้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ทำลายแคโรทีนในผัก ถ้าปรุงอาหารที่มีแคโรทีนสูง เช่น แครอท ไม่ควรใส่น้ำส้มสายชู
บทความที่นำเสนอนั้น ทางทีมข่าวหวังว่าทุกท่านคงได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก sahaherbal.org