svasdssvasds

พนักงานหน้าตาดีในออฟฟิศก็ถูกเลือกปฏิบัติได้ ถูกมองไม่สู้งาน !?

พนักงานหน้าตาดีในออฟฟิศก็ถูกเลือกปฏิบัติได้ ถูกมองไม่สู้งาน !?

ความสวยไม่ได้ชนะทุกอย่าง พนักงานที่หน้าตาดี ก็ถูกเลือกปฏิบัติได้ โดยเฉพาะผู้หญิงจะถูกกีดกัดจากบางตำแหน่ง

SHORT CUT

  • เมื่อผู้หญิงที่ดูดี หน้าตาสวย ดูไฮโซมาสมัครงานที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและเหมาะกับผู้ชาย คนทั่วไปอาจมองว่าเธอไม่เหมาะสม เพราะความสวยมักถูกเชื่อมโยงกับความเป็นผู้หญิงอ่อนโยน
  • ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีมักถูกมองเป็นวัตถุทางเพศ (Objectified) มากกว่าคนที่หน้าตาธรรมดา ส่งผลเสียต่อหน้าที่การงาน สุขภาพจิต
  • การสร้างความประทับใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความสุภาพอ่อนโยน ในตัวเองที่ไม่ว่าจะมีอัตลักษณ์ทางเพศทางเพศแบบไหน ซึ่งสามารถมีอิทธิพลมากกว่าความลำเอียงที่เกิดจากรูปลักษณ์ภายนอก

ความสวยไม่ได้ชนะทุกอย่าง พนักงานที่หน้าตาดี ก็ถูกเลือกปฏิบัติได้ โดยเฉพาะผู้หญิงจะถูกกีดกัดจากบางตำแหน่ง

ก่อนเดินทางไปออฟฟิศ เราต้องการให้ตัวเองดูดี ดูมั่นใจ และน่าดึงดูต่อคนรอบข้าง นั่นจึงทำให้พนักงานหลายคนเสียเวลานานพอสมควรเพื่อตกแต่งรูปลักษณ์ ตัวเองก่อนเข้าสู่โลกการทำงาน แต่เชื่อหรือไม่ว่า การดูดีเกินไปนั้นอาจทำให้ถูกเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมได้เหมือนกัน

เราอาจคิดว่ามีแต่คนที่ดูไม่ดีเท่านั้นที่ถูกเลือกปฏิบัติในออฟฟิศ เพราะในงานวิจัย “Is Beauty Beastly?” (ความสวยเป็นอุปสรรค) ของสหรัฐอเมริกา ปี 2012 เผยว่า แม้ตามปกติ คนที่มีรูปร่างหน้าตาดีมักได้รับประโยชน์ในหลายด้าน มีโอกาสได้รับการจ้างงานมากกว่า ได้รับการปฏิบัติที่ดีขึ้น ได้คะแนนประเมินผลงานสูงกว่า และมีรายได้มากกว่า อย่างไรก็ตาม ความน่าดึงดูดก็มีข้อเสียเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิง

ความสวยทำให้ผู้หญิงดูอ่อนแอ !

ทีมวิจัยระบุว่า เมื่อผู้หญิงที่ดูดี หน้าตาสวย ดูไฮโซมาสมัครงานที่มีภาพลักษณ์แข็งแกร่งและเหมาะกับผู้ชาย คนทั่วไปอาจมองว่าเธอไม่เหมาะสม เพราะความสวยมักถูกเชื่อมโยงกับความเป็นผู้หญิงอ่อนโยน จึงทำให้ดูเหมือนไม่มีทักษะที่จำเป็นสำหรับงานนั้น

พนักงานหน้าตาดีในออฟฟิศก็ถูกเลือกปฏิบัติได้ ถูกมองไม่สู้งาน !?

พนักงานหญิงแข่งขันกันเอง 

ข้อเสียของความสวยในที่ทำงานอีกประการ นั่นคือ ‘การแข่งขันระหว่างเพศเดียวกัน’ เพราะผู้หญิงอาจรู้สึกแข่งขันกับผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีกว่า ซึ่งอาจทำให้พวกเธอ มองอีกฝ่ายในแง่ลบหรือเลือกที่จะไม่คลุกคลีกัน จนทำให้เกิดความแตกแยก

ส่วนข้อเสียที่ร้ายแรงที่สุด ผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาดีมักถูกมองเป็นวัตถุทางเพศ (objectified) มากกว่าคนที่หน้าตาธรรมดา ส่งผลเสียต่อหน้าที่การงาน เพราะเมื่อผู้หญิงถูกมองในเชิงทางเพศ คุณค่าและความสามารถที่แท้จริงของพวกเธอจะถูกมองข้าม ทำให้ผู้หญิงสวยหลายคนต้องกันไปทำงานที่เน้นนำเสนอเรือนร่าง มากกว่าสติปัญญาของตัวเอง

แต่ถือเป็นข่าวดีอยู่บ้าง เพราะในรายงานระบุว่า แนวโน้มที่ผู้หญิงจะมองตัวเองเป็น self-objectification (ความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอก) นั้น ลดลงตามยุคสมัย โดยผู้หญิงอายุระหว่าง 20-39 ปีมีระดับ self-objectification สูงที่สุด ส่วนวัยอื่นยังอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับทางออก ทีมวิจัยเสนอ ลดการหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง เช่น ตระหนักถึงผลเสียของการให้ความสำคัญกับหน้าตามากเกินไป กล้ายอมรับและจัดการกับความไม่มั่นใจเกี่ยวกับรูปร่างของตัวเอง และเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความสวยงาม เช่น งานอาสาสมัคร หรือกิจกรรมที่เน้นทักษะและความสามารถ เพื่อช่วยให้มองเห็นคุณค่าของตัวเองในด้านอื่นๆ มากขึ้น

พนักงานหน้าตาดีในออฟฟิศก็ถูกเลือกปฏิบัติได้ ถูกมองไม่สู้งาน !?

อย่างไรก็ตาม การมีรูปร่างหน้าตาดีเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในการทำงานเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การสร้างความประทับใจ ความเห็นอกเห็นใจ และความสุภาพอ่อนโยน ในตัวเองที่ไม่ว่าจะมีอัตลักษณ์ทางเพศทางเพศแบบไหน ซึ่งสามารถมีอิทธิพลมากกว่าความลำเอียงที่เกิดจากรูปลักษณ์ภายนอก

เนื่องในโอกาสวันยุติการเลือกปฏิบัติสากล วันที่ 1 มีนาคม ขอให้เราตระหนักว่า ทุกคนควรได้รับโอกาสและการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม ไม่ว่าพวกเขาจะมีรูปลักษณ์แบบใดก็ตาม ความสามารถ ศักยภาพ และคุณค่าภายในของแต่ละคน ไม่ควรถูกบดบังด้วยอคติทางสังคมเกี่ยวกับความงามหรือเพศสภาพ

ที่มา :psycnet 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

related