3 (สิ่งที่ต้อง)รู้ เชื่อมต่อความสำเร็จเล็กๆ ให้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่
“3 (สิ่งที่ต้อง)รู้” ที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อความสำเร็จเล็กๆ ให้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เพราะทุกจุด ทุกย่างก้าวในปัจจุบันส่งผลต่ออนาคตซึ่งเราไม่รู้แน่ชัด 100% ว่าจุดหรือก้าวในวันนี้จะนำเราไปสู่อนาคตแบบไหน
ซีรีย์ New Year’s Resolution เขียนกันมาหลายตอนเมื่อช่วงปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเป้าหมายกับ Value หรือคุณค่าและสิ่งเราให้ความสำคัญ (อ่านตอนเดิมได้ที่นี่) , การเลือกตั้งเป้าหมายใหญ่หรือเป้าหมายเล็กดีกว่ากัน (อ่านตอนเดิมได้ที่นี่) และเทคนิคการปล่อยวางในเป้าหมายเพื่อให้เห็นภาพรวมได้ดียิ่งขึ้น (อ่านตอนเดิมได้ที่นี่) มาแล้ว คิดว่าทุกคนคงใช้วันหยุดช่วงปีใหม่ออกแบบ New Year’s Resolution ของปี 2024 กันได้เรียบร้อยแล้ว
เปิดปีใหม่มาขอปิดท้ายซีรีย์นี้ด้วย “3 (สิ่งที่ต้อง)รู้” ที่ช่วยให้เราเชื่อมต่อความสำเร็จเล็กๆ ให้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เหมือนการต่อจุดให้กลายเป็นเส้นตามที่สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple ซึ่งเป็นตำนานในการย่อโลกให้อยู่บนฝ่ามือและท่องโลกด้วยปลายนิ้วสัมผัสผ่านสินค้าตระกูล i เคยบอกไว้ว่า
คุณไม่สามารถเชื่อมต่อจุดด้วยการมองไปในอนาคต แต่คุณสามารถมองเห็นจุดที่เชื่อมต่อกันเป็นเส้นเมื่อมองย้อนหลังกลับไปได้เท่านั้น ดังนั้นจงเชื่อมั่นว่าจุดแต่ละจุดจะเชื่อมต่อคุณไปยังอนาคต
เพราะทุกจุด ทุกย่างก้าวในปัจจุบันส่งผลต่ออนาคตซึ่งเราไม่รู้แน่ชัด 100% ว่าจุดหรือก้าวในวันนี้จะนำเราไปสู่อนาคตแบบไหนดังนั้นจึงจำเป็นต้องรู้ 3 สิ่งต่อไปนี้ เพื่อให้เราสามารถลากเส้นไปในอนาคตที่เราวาดฝันไว้
“รู้ตัวเอง” “รู้จังหวะและสถานการณ์” และ “รู้จักเครือข่ายและผู้คน”
-
“รู้ตัวเอง”
การรู้ตัวเองนั้นเหมือนง่าย เราอาจจะรู้ข้อดี ข้อเสีย สิ่งที่ชอบ ไม่ชอบ แต่บางครั้งเราก็ลืมหลายเรื่องที่สำคัญเกี่ยวกับตัวเองไป เช่น ลืมไปว่าให้ Value หรือคุณค่ากับสิ่งไหนและลืมจัดสรรเวลาสำหรับสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพหรือครอบครัว หลายคนลืมเป้าหมายในชีวิต หรือละเลย New Year’s Resolution ที่ตั้งใจไว้ตอนต้นปีเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน การรู้ตัวเองในที่นี้จึงหมายถึงการตระหนักรู้อยู่ตลอดเวลาว่าต้องการอะไรกันแน่ และพยายามใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราต้องการเป็นประจำ เพื่อเป็นการย้ำเตือนว่าเรายังอยู่ในเส้นทางที่เราปรารถนา และเดินทางไปสู่เป้าหมาย New Year’s Resolution ที่เราตั้งใจไว้
-
“รู้จังหวะและสถานการณ์”
เหมือนที่สุภาษิตจีนว่าไว้ “รู้เขา รู้เรา รบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง การรับรู้สถานการณ์ช่วยให้เราประเมินตัวเองและตัดสินใจได้รอบคอบสอดคล้องกับทั้งสถาการณ์และเป้าหมายของเราได้ดีขึ้น
ตัวอย่างจริงของคุณอาผู้เขียนที่ออกจากงานประจำมาเป็นนักลงทุนเล่นหุ้นตอนอายุเกือบ 50 ปี เส้นทางชีวิตการทำงานประจำในสายงานบัญชีตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีผ่านงานมาหลายบริษัทจนสุดท้ายทำงานในบริษัทข้ามชาติที่ทั้งเงินเดือนและสวัสดิการดีมาก หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมถึงออกจากงานมาเล่นหุ้น ลองมองย้อนไปดูชีวิตการทำงานของคุณอาที่ต้องปิดบัญชีกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ทุกเดือน ต้องฝ่าฟันขับรถติดไปทำงานทุกเช้าทั้งๆ ที่เป็นคนไม่ชอบขับรถ ทุกปีต้องไปโกดังสินค้าเพื่อนับสต็อคทั้งๆ ที่เป็นคนแพ้ฝุ่นเอามากๆ คิดว่าคุณอาคงไม่ได้มีความสุขกับการทำงานเท่าไหร่
ในช่วงปีท้ายๆ ของชีวิตการทำงานประจำ บริษัทที่คุณอาทำงานอยู่นั้นอยู่ในธุรกิจที่การแข่งขันสูงมากมีการควบรวมกิจการที่บริษัทแม่ในต่างประเทศค่อนข้างบ่อย เท่าที่ทำจำได้คือใน 5 ปีไม่น่าจะต่ำกว่า 3 ครั้ง ทุกครั้งที่ควบรวมกิจการต้องมีคนออกจากงาน เนื่องจากมีคนทำงานซ้ำกัน ซึ่งโดยปกติคนที่ออกจากงานจากการควบรวมกิจการบริษัทจะมีแพ็กเกจค่าตอบแทนให้สำหรับพนักงานที่สมัครใจลาออกหรือมีแคมเปญเกษียณอายุก่อนกำหนด
ช่วงท้ายของการทำงานประจำทุกวันเสาร์ คุณอาจะไปเรียนเรื่องการลงทุนที่ตลาดหลักทรัพย์ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายเดือนและเริ่มลงทุนในกองทุนรวม เมื่อมองย้อนกลับไปผู้เขียนคิดว่าคุณอาคงจะประเมินแล้วว่าอนาคตคงต้องมีการควบรวมกิจการเกิดขึ้นอีกแน่นอนและคงเล็งแพ็คเกจสมัครใจลาออกจากงานไว้ล่วงหน้า ซึ่งนับว่าเป็นการจับจังหวะและดูสถาการณ์เพื่อประเมินอนาคตได้ไม่เลวเลยทีเดียว
-
“รู้จักเครือข่ายและผู้คน”
สมัยนี้สภาพสังคม เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำอะไรคนเดียวมีโอกาสประสบความสำเร็จยากไม่เหมือนสมัยก่อนที่ค่อยๆ เรียนรู้ ค่อยๆ ฝึกฝน แต่ในปัจจุบันกว่าเราจะทำเองได้คล่องแคล่วชำนาญหลายสิ่งหลายอย่างก็อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว การมีเครือข่าย เพื่อนๆ ที่ดีคอยให้การสนับสนุนช่วยเหลือจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก การรู้จักผู้คนในหลายแวดวง การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ นอกเหนือจากความเชี่ยญชาญ ความชำนาญของตัวเอง นอกจากช่วยให้เราได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ และยังสามารถขอความคำแนะนำ ช่วยเหลือ ยามจำเป็นได้อีกด้วย
ถึงแม้ทุกการตัดสินใจ ทุกการกระทำ มีผลต่อเป้าหมาย แต่ก็ไม่อยากให้เร่งรีบจนละเลยความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตแต่ละวัน ชีวิตคนเราก็เหมือนเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่การหันหัวเรือไปทิศทางใหม่ต้องใช้ทั้งเวลาและพลังงานในการขับเคลื่อนเพื่อขยับทิศทาง จังหวะที่ดี โอกาสที่ดี และผู้คนรอบข้างที่ดีจึงมีส่วนสำคัญมากที่จะทำให้เราไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ การใช้ชีวิตที่ช้าหน่อยเพื่อใคร่ครวญสิ่งต่างๆ ทำให้เราเห็นทั้งจังหวะ โอกาส และผู้คนที่มีสอดคล้องกับเป้าหมายความสำเร็จที่เราต้องการได้ง่ายขึ้น
เพราะความสำเร็จไม่ใช่เส้นตรง และไม่ได้มีเส้นทางเดียว การมั่นใจว่าทุกจุดที่เราขยับเคลื่อนที่ไปนั้นอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องจึงเป็นเรื่องสำคัญ 3 รู้ที่ว่ามา “รู้ตัวเอง” “รู้จังหวะและสถานการณ์” และ “รู้จักเครือข่ายและผู้คน” จะช่วยให้เราใคร่ครวญได้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งควรทำ สิ่งใดควรปฎิเสธ สามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ เพื่อให้แต่ละจุด แต่ละย่างก้าวของเราก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ความสำเร็จของชีวิตไม่ได้จบที่ New Year’s Resolution ของปีนี้ ปีใหม่มีทุกปีขอเพียงเราเก็บแต้มความสำเร็จมาต่อกันเหมือนต่อจิกซอว์ทีละชิ้นในทุกปี สุดท้ายเราก็จะได้ภาพความสำเร็จที่สมบูรณ์แบบ ขอให้ทุกคนมีความสุขและสนุกกับ New Year’s Resolution ของปี 2024
เพชร ทิพย์สุวรรณ
อดีต Corporate HR ที่ชอบเม้ามอยเทคนิคและเคล็ดลับการทำงานผ่านตัวหนังสือ
ปัจจุบันเป็นวิทยากรและที่ปรึกษาด้านการคัดเลือก พัฒนาบุคคลากรของ ALERT Learning and Consultant
บทความที่เกี่ยวข้อง
