ทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์จนวิญญาณแทบจะออกจากร่างไปแล้ว พอถึงวันหยุดทั้งที พักเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่าหายเหนื่อยเลย แปปๆก็ต้องกลับมาทำงานอีกรอบละ จะทำยังไงดีให้ฮีลตัวเองได้จากงานที่แสนเหนื่อย มีแรงฮึดกลับไปทำงานที่เรารักได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
งานทุกงานต่างก็ต้องมีความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่แล้วไม่ว่าจะทางร่างกาย ทางจิตใจ เอาจริงๆความเหนื่อยจากงานก็ไม่ได้มาจากการทำงานที่หนัก หักโหมเสมอไป ความเหนื่อยล้าที่สะสมจากงานหลายๆครั้งก็มาจากปัญหาความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานบ้าง ลูกน้องบ้าง หัวหน้าบ้าง บางทีก็อาจเป็นความกังวลเรื่องเงิน เรื่องสุขภาพ หรือแม้แต่เรื่องรถติดก่อนไปทำงาน พอมันสะสมทุกๆวันมันก็เกิดความเบื่อหน่าย หดหู่ และเรียกรวมๆกันว่า “เหนื่อยจากการทำงาน”
แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ลาออกแล้วหยุดมานอนพักเฉยๆไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ยล่ะ งั้นเรามาลองหาวิธีฮีลใจให้ตัวเอง พักฟื้นตัวเองจากปัญหาต่างๆ เมื่อใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ก็พร้อมกลับไปทำงานแล้วล่ะ
ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีอาการเหล่านี้ ก็ถึงเวลาเข้าคอร์สฮีลใจ ฟื้นฟูตัวเองก่อนกลับไปทำงานกันแล้วล่ะ
ถ้าคุณกำลังเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน ขั้นแรกเลยลองสังเกตพฤติกรรมตัวเองก่อน เพราะการกระทำบางอย่างเพียงแค่เล็กๆน้อยๆของเราก็อาจเป็นเหตุผลให้เหนื่อยก็ได้นะ อาจจะลองปรับตัวเองดู อย่างเช่น
เป็นเรื่องที่บอกไว้แทบจะทุก topic ของหัวข้อการทำงานเลย คือการทิ้งงานไว้ที่ที่ทำงาน ถ้าไม่จำเป็นเร่งด่วนจริงๆก็ปล่อยๆมันซะบ้าง กลับบ้านคือการพักผ่อน แล้วเราจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ได้ยังไงถ้าเรายังแบกงานกลับมาทำในช่วงเวลาพัก
ทุก ๆ คนคงจะมีบางสิ่งบางอย่างที่ชอบทำมาก ๆ ที่ไม่ใช่งานหลักหรืองานประจำ ในวันพักผ่อนนี้ นอกจากที่เราจะนอนอืดอย่างเต็มที่แล้ว ลองลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างเพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการนอนดูหนังมาราธอนยาว ๆ ไปเลยทั้งวัน หรือการเล่นเกมส์ บางคนอาจจะเป็นการเล่นดนตรี การทำสวน หรืออะไรก็ตามที่เราทำแล้วรู้สึกชอบ รู้สึกสบายใจ
แต่... ถ้าใครที่ไม่มั่นใจว่าตัวเองมีงานอดิเรกบ้างไหม ลองไปหาอะไรที่ไม่เคยทำดู หาประสบการณ์ใหม่ๆ เติมเต็มความเหนื่อยล้าที่สะสมมาจากงาน การได้พักผ่อนแล้วยังได้ทำสิ่งอื่นๆที่ชอบไปด้วยจะทำให้ร่างกายเหมือนได้รีบูต หายเหนื่อยพร้อมกลับไปทำงานที่เรารักกันอีกครั้งแล้วล่ะ
คนที่เป็นเซฟโซนของเรา อาจจะเป็นครอบครัว เพื่อน แฟน หรือใครก็ตามที่เราสบายใจที่จะพูดคุยได้ การได้ระบายความเครียด เล่าปัญหาของเราออกไปให้คนที่ไว้ใจฟังบ้าง ก็เป็นการลดอาการเครียด ลดความเหนื่อยล้าได้ระดับนึงเลย ไม่ต้องคิดว่าเหมือนเราจะเอาปัญหาไปเพิ่มให้เขารึเปล่า ลองคิดในมุมของเราว่าถ้าคนที่เรารักเครียด หรือมีปัญหา เราเองก็คงอยากที่จะซัพพอร์ตเขาเหมือนกัน
การที่รู้ว่ามีคนที่พร้อมจะซัพพอร์ตเรา พร้อมรับฟังปัญหาของเรา เป็นอีกอย่างนึงที่ทำให้รู้สึกคลายเครียดขึ้นได้มากเลยทีเดียว
ที่สำคัญ !! การเติมกำลังใจให้ตัวเองสามารถทำได้ตลอดเลยนะ ไม่จำเป็นต้องรอให้หมดแรงหมดพลังก่อน ถึงจะค่อยเริ่มหากำลังใจ เพราะถ้าเราหมดไฟไปแล้ว จะเติมไฟใหม่มันก็คงยากกว่าการเติมมาตลอดเรื่อยๆ
นี่เป็นเพียงทริกเล็กๆที่นำมาฝากทุกคนในการผ่อนคลายความเครียด บางคนอาจจะมีวิธีฮีลตัวเองจากความเหนื่อยล้าในแบบฉบับของตัวเอง ก็อย่าลืมที่จะปล่อยวางความเครียดบ้าง อะไรที่หนักเกินไปก็ไม่ต้องแบกไว้ หาความสุขจากสิ่งเล็กๆรอบตัว และอย่าให้ความเครียดจากเรื่องงานมีผลกระทบกับชีวิตของตัวเองมากมายนักล่ะ
อ้างอิง
บทความอื่นที่น่าสนใจ