"Work Life Balance คือ ความลงตัว" ทั้งงาน ชีวิต และความเป็นอยู่ ไม่ใช่แค่มีเงินหรือรายได้มากๆ เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้มีความสุข ซึ่งปีนี้ "โคเปนเฮเกน" ถูกจัดเป็นเมือง work life balance ดีที่สุด ส่วนประเทศไทย ข้อมูลปี 2022 อยู่ในอันดับรั้งท้าย ชีวิตคล้ายเดอะแบก...
แม้ว่าเมืองต่างๆ ทั่วโลกจะมีโอกาสในการทำงานและประสบความสำเร็จได้ แต่ไม่ใช่ทุกเมืองที่จะใช้ชีวิตในการทำงานได้อย่างมีความสุข "Work life balance คือ ความลงตัว" ต้อง balance กัน ทั้งเรื่อง work และ life และเงินก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกไม่ใช่เมืองที่รวยมากที่สุด แต่เป็นเมืองที่รวมสองสิ่งที่สำคัญมากเข้าด้วยกัน ทั้งความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน และรวมไปถึงวิธีการสร้างรายได้อีกด้วย
MoneyNerd เว็บไซต์การเงินส่วนบุคคล ได้วิเคราะห์เมือง 25 แห่งทั่วโลก โดยใช้ข้อมูลจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD), รายงานความสุขของโลก, Numbeo และอื่นๆ อีกมากมาย โดยให้คะแนนสำหรับหัวข้อต่างๆ เช่น ค่าครองชีพ (ซึ่งคะแนนเต็ม 100 คะแนนถือว่าแพงที่สุด) ,ความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (คะแนนเต็ม 10 คะแนนคือ มีความสมดุลที่สุด) ,เงินเดือนโดยเฉลี่ย ,จำนวนโอกาสในการทำงาน ,และอื่นๆ
“ภารกิจของ MoneyNerd คือการสร้างความมั่นคงให้กับผู้ที่มีค่าใช้จ่ายมากเกินไปและขาดโอกาส ด้วยข้อมูลที่พวกเขาต้องการ เพื่อควบคุมการเงินของพวกเขากลับคืนมา” Scott Nelson ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินส่วนบุคคลของ MoneyNerd กล่าว “เราตระหนักดีถึงความสำคัญของการหางานที่ไม่เพียงแต่มีรายได้ดี แต่ยังช่วยให้ผู้คนสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดีได้ เราทำการศึกษานี้เพื่อช่วยให้ผู้คนมีข้อมูลในการตัดสินใจเกี่ยวกับสถานที่และลักษณะงานที่ให้สมดุลระหว่างค่าจ้างที่ดีที่สุด รวมถึงความสุขในชีวิตการทำงาน”
ผลการจัดอันดับเมืองที่ Work life balance ดีที่สุดปี 2023 พบว่า โคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก ได้ตำแหน่งเมืองที่มี work life balance ดีที่สุดและมีเงินเดือนที่เหมาะสม
“แม้จะเป็นหนึ่งในสถานที่ที่แพงที่สุดในการอยู่อาศัย แต่นิวยอร์กซิตี้ยังอยู่ในอันดับที่สามในฐานะเมืองที่ดีที่สุดในด้านความสมดุลระหว่างค่าจ้างและชีวิตการทำงานในรายงานล่าสุด” เนลสันกล่าว
“เมื่อพิจารณาจากชื่อเสียงของนิวยอร์กซิตี้ในการเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดี การศึกษาวิจัยนี้มีคะแนนสมดุลระหว่างชีวิตและงานอยู่ที่ 5.2 จาก 10 คะแนน ซึ่งดีกว่าเมืองอย่างซิดนีย์ซึ่งมีความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานต่ำกว่า คะแนน 4.4”
Nelson ชี้ให้เห็นว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทางสหรัฐอเมริกาได้พยายามปรับปรุงในเรื่องของ Work life balance “ตามการจัดอันดับความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานของ OECD สหรัฐอเมริกาอยู่ในอันดับที่ 29 จาก 41 ประเทศเมื่อพิจารณาจากจำนวนพนักงานที่ทำงานเป็นเวลานาน และยังพบว่ามีแนวโน้มลดลงที่ -0.1% ตั้งแต่ปี 2548” เขากล่าว
นอกจากการจัดอันดับโดยรวมแล้ว MoneyNerd ยังพิจารณาด้วยว่าเมืองใดที่ได้รับการจัดอันดับดีที่สุดในด้านต่างๆ
เมืองที่ได้รับการจัดอันดับ Work life balance ต่ำสุดจาก 45 เมืองที่ได้จัดลำดับไว้ พบว่า ปักกิ่ง ประเทศจีน ,ลิสบอน ประเทศโปรตุเกส ,และบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เมืองทั้งสามนี้อยู่ในอันดับที่ต่ำที่สุด ในด้านความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานกับค่าจ้าง เนื่องจาก มีเงินเดือนประจำปีโดยเฉลี่ยต่ำ อยู่ระหว่าง 12,664 ถึง 18,366 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดจนโอกาสในการทำงานก็ค่อนข้างน้อย ทำให้เกิดการแข่งขันสูง แต่อย่างไรก็ตามทั้งสามเมืองก็มีคะแนนค่าครองชีพต่ำที่สุด อยู่ระหว่าง 32.9 ถึง 43.7
ย้อนกลับมาดูที่ประเทศไทยบ้าง แม้ว่าปีนี้จะไม่ได้ติดอยู่ในอันดับ 45 ประเทศที่ MoneyNerd วิเคราะห์ แต่หากย้อนไปดูข้อมูลปี 2022 Kisi ผู้ให้บริการระบบควบคุมและรักษาความปลอดภัยการใช้งานคลาวด์ ได้ทำการจัดอันดับ 100 เมืองทั่วโลก พบว่า ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 96 โดยคะแนนในเรื่องจำนวนชั่วโมงการทำงาน วันหยุดพักผ่อนตามสิทธิ อัตราการว่างงาน ผลกระทบจากโควิด-19 ความปลอดภัยในเมือง และคุณภาพอากาศ เกาะกลุ่มอยู่รั้งท้ายในเกือบทุกด้าน
การจัดการความสมดุลของ Work-life balance ถือเป็นสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ต้องเผชิญ ความสมดุลของชีวิตเป็นเรื่องยากที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ถึงจะยากแค่ไหน เมืองที่สามารถสร้างสมดุลระหว่างงาน และชีวิตส่วนตัวได้อย่างดี ก็ถือเป็นเมืองที่น่าอยู่ ชีวิตดีดีที่ลงตัว
บทความอื่นที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง