คุยอย่าง Pound เม้าท์อย่าง Pride รับเดือน Pride Month กับ 2 ดีเจดัง "ดีเจพี่อ้อย" และ "ก๊อตจิ" จาก Club Pride Day สื่อกลางที่สร้างแรงบันดาลใจและเป็นพื้นเรียนรู้ทุกเฉดของชีวิตของ LGBTQ+ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา เวลา 3-4 ทุ่ม ทาง Green Wave 106.5 FM
Club Pride day เคารพความแตกต่าง
ดีเจพี่อ้อย : พี่อ้อยเชื่อว่า Club Pride day มันเป็นสิ่งนึงที่มันเกิดขึ้นจากการที่เราเห็นว่าวันนี้เราเคารพทุกความแตกต่าง เราไม่ได้แปลว่าคนต้องหมายถึงผู้ชายและผู้หญิงเท่านั้น LGBTQ+ คือมนุษย์คนนึงที่อยู่บนโลกใบนี้ และในช่วงนึงรู้สึกได้ไหมคะว่าเวลาที่เขามองคนที่เป็น LGBTQ+ จะดูเป็นคนแปลก แตกต่างกันหรือจำเป็นจะต้องมีความที่แบบ โอ้ยเธออย่างนี้หรอและคิดว่าชายหญิงเท่านั้นเป็นความปกติ เพราะฉะนั้นกรีนเวฟทำมาหลายเนื้อหาทีมงานก็เลยคิดว่าหรือจริงๆ แล้วเราควรจะเนื้อหาสักหนึ่งช่วงของรายการที่ให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันของทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม
ก๊อตจิ : อย่างที่พี่อ้อยบอกว่าให้ทุกคนได้เห็นถึงความแตกต่าง แต่ว่ามันไม่ใช่ความแตกต่างที่ ให้ทุกคนเห็นถึงความแตกต่างที่มันควรจะต้องกลายเป็นความธรรมดา หลายๆ คนคิดว่า LGBTQ+ คือความแตกต่างชี้ไปเลยเหมือนเป็นการไปขีดเส้นเขา หรือเหมือนการไปตีตราเขา จริงๆ แล้วไม่ใช่คือมันธรรมดาเหมือนกันหมด ลักษณะเหมือนถ้าเกิดว่าเพศ หรือว่าสิ่งของ หรือว่าธรรมชาติหรือใดๆ ก็ตาม LGBTQ+ ก็คืออยู่หนึ่งในนั้น เรียกว่าหนึ่งสิ่งก็ได้อยู่บนโลกใบนี้
ดีเจพี่อ้อย : แล้วก็อันนึงพี่อ้อยว่าพอเราได้โจทย์มาแล้วว่าเราจะทำโจทย์เกี่ยวกับ LGBTQ+ สิ่งที่ต้องคิดต่อไปคือแล้วทำอะไรเกี่ยวกับเขาสิ่งนึงที่มันเกิดขึ้นคือ กรีนเวฟเองเวลาที่เราฟังเรามักจะได้แรงบันดาลใจ เราก็เลยตั้งใจว่างั้นเราก็สร้างแรงบันดาลใจจากกลุ่มของ LGBTQ+ ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศไหนคุณได้แรงบันดาลใจแน่นอน เพราะคุณกำลัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซินดี้ สิรินยา หญิงเก่งผู้จุดประกายแนวคิด อย่าอายสอนลูกเรื่องเพศ
จิมมี่ พัชรฎา จบ ม.3 เป็นได้แค่เด็กล้างจาน คำดูถูก เจ็บจนไม่กล้าขี้เกียจ
ครูก๊อง KPN เกิดเป็น LGBTQ+ ทำไมต้องพิสูจน์ตัวเองเพื่อความเท่าเทียม?
เรียนรู้ชีวิตของเขาอยู่ เราก็เลยตั้งใจว่างั้นทำรายการสัมภาษณ์ สัมภาษณ์ใคร สัมภาษณ์ใครก็ตามที ที่กว่าจะถึงวันนี้เขาผ่านการเรียนรู้ ผ่านการฝ่าฝันพี่อ้อยว่าทุกชีวิตเป็นตำราที่สอนเราได้ดีทุกอย่าง คุยอย่าง Pound เม้าท์อย่าง Pride เพราะฉะนั้นความภาคภูมิใจของแต่ละคนที่กว่าจะฝ่าฝันแล้วก็เจอเรื่องราวต่างๆ จนกระทั่งถึงวันนี้มันมีวิธีคิดทั้งนั้น
Club Pride day สื่อกลางของ LGBTQ+
ก็อตจิ : รายการนี้เหมือนเป็นสื่อกลาง เป็นสื่อกลางชั้นดีเลยนะคะ สำหรับการที่จะกระจายออกไปให้ทุกคนอย่างน้อยสังคมได้รับรู้หรือว่าได้รู้ว่า LGBTQ+ ก็คือคนๆ นึง ก็คือคนปกติคนๆ นึงเลย เหมือนเป็นการเปิดใจว่าโอเค LGBTQ+ เขาก็คือคนปกติเหมือนกับเราและก็เปิดใจต่อไปที่จะยอมรับในเรื่องอื่นๆ หรือจะพัฒนาไปเรื่องอื่นๆ ได้ มันอาจจะเป็นเรื่องที่มันเล็กน้อยนะคะที่รู้สึกได้ว่าผู้ฟังหลายๆ คนหนูก็เชื่อเขาอาจจะไม่รู้จักแขกรับเชิญทุกๆ คนที่เราพามา แต่ว่าอย่างน้อยเขาได้เริ่มรู้จักแล้วมันเป็นจุดเริ่มต้นที่มันจะสามารถขยายหรือว่าพัฒนาต่อไปได้เกี่ยวกับสังคม LGBTQ+
ดีเจพี่อ้อย : คือต้องยอมรับว่าพี่อ้อยเป็นคนรักงานดีเจตั้งแต่วันแรกที่อยากเป็นดีเจ แต่พี่รักมันมากขึ้นเรื่อยๆ พอเรายิ่งทำงานยิ่งรู้สึกรักมันค่ะ ในอาชีพเล็กๆ อาชีพนึงซึ่งมันเป็นที่ไว้วางใจของผู้คนพี่รู้สึกแบบนั้น เอาง่ายๆ เราทำรายการทีวีกันมาเวลาใครสักคนจะเดินทางมาหาอยากจะมาคุยอะไรกับเราจะรู้สึกมันมีความไกลอะไรบางอย่าง แต่พอเป็นวิทยุมันเกิดความไว้วางใจมันรู้สึกว่าเราสามารถคุยกับใครสักคนนึงที่มันพอจะเป็นเซฟโซนได้ แล้วพี่สึกว่าการเป็นดีเจพี่ได้ทำหน้าที่ตรงนั้นเป็นเซฟโซนและไม่ใช่แค่เซฟโซนให้เขาแค่รู้สึกปลอดภัย แต่ใครจะคิดว่าสิ่งที่เขาเข้ามาเป็นแขกรับเชิญในรายการ เรื่องราวในชีวิตของเขากำลังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น พี่เลยรู้สึกว่าเราสื่อกลางตรงนั้นทั้งพี่ทั้งก๊อตจิเอง
Club Pride day พื้นที่เรียนรู้ชีวิต LGBTQ+
ดีเจพี่อ้อย : น้องคะคนบางคนที่มานั่งแล้วก็ให้เราสัมภาษณ์ใน 1 ชั่วโมง ทำไมเขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าถ้าเขาเป็น LGBTQ+ แล้วอยากให้ครอบครัวยอมรับเขา เขาต้องเป็นคนเก่งอะไรสักอันนึง เขาสามารถเป็นคนธรรมดาได้ไหม ในขณะที่บางคนเป็นชายจริงหญิงแท้ ลูกมันก็อย่างนี้แหละ มันเรียนไม่ค่อยเก่ง แต่พอเป็น LGBTQ+ แล้วต้องการเรียกร้องความยอมรับจากที่บ้าน ฉันต้องเด่นอะไรสักอย่างนึง ทำไมอ่ะ ก็คือลูกนึงไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องรู้สึกว่าการที่ต้องไปเปิดตัวกับพ่อแม่กลายเป็นโมเมนต์ยิ่งใหญ่แห่งชีวิต ทั้งๆ ที่ตอนคุณพ่อคุณแม่รักเขาก็รักเขาเพราะเขาเป็นลูกไง คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้รักเขาบังเอิญลูกเกิดมาเป็นลูกชายเลยรักมาก ลูกเกิดมาเป็นลูกสาวเลยรัก บางคนยังไม่รู้เพศลูกเลยรักไปแล้วอ่ะ
แต่พอวันนึงเขาเป็น LGBTQ+ ทำไม่ถึงรู้สึกว่าไม่ได้นะ บางคนใช้วิธีการในการที่อายเพื่อน พยายามแก้ส่งไปเรียน ตีก็มีที่เราฟังกันในรายการ แล้วมันช่วยได้หรือ แล้วทำไมต้องทำให้รู้สึกว่าการเป็นฉันทำไมผิด แล้วถ้าเมื่อไหร่ก็ตามทีที่ครอบครัวให้ความรู้สึกว่า การเกิดเป็นเธอยังผิดเลยแล้วคนๆ นี้จะเดินหน้าต่อไปยังไง มันมุมนึงซึ่งพี่อ้อยได้จากการที่สัมภาษณ์แขกรับเชิญ แขกรับเชิญบางคนเป็น LGBTQ+ ร่างกายก็ไม่สมประกอบ แล้วเขาเล่าให้ฟังว่า พี่รู้เปล่าเวลาที่มีคนด่าหนูว่าอีตุ๊ดกับด่าหนูว่าอีเด็กพิการหนูเสียใจกับคำว่าอีเด็กพิการมากกว่าอีก
พี่อ้อยเลยถามว่าทำไมอ่ะ เพราะถ้าพูดคำว่าอีตุ๊ดหนูเลือกเอง แต่อีคนพิการบางทีหนูไม่ได้เลือกแต่มันเป็น เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้มันเรียนรู้กันใน Club Pride Day เสมอ คนนั้นแบบนี้คนนี้แบบนั้นชีวิตของ LGBTQ+ กว่าจะเติบโตงานบางงานรังเกียจด้วยซ้ำ พี่อ้อยกล้าพูดไม่ได้คุณต้องพยายามที่จะแมนสิ ทำไมอ่ะ คุณจะไม่ยอมรับในตัวตนของเขา แต่จะเอาความสามารถของเขานี่นะ ก็ถ้าจะยอมรับก็ต้องยอมรับทั้งแพ็คเกจเพราะเขาคือคนๆ นี้ไง นี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้กันทุกวันพฤหัสกับ Club Pride Day
ก๊อตจิ : พอเราได้มาทำรายการนี้ตอนแรกเราไม่คิดนะ พี่อ้อยหนูไม่คิดนะคะ ว่าเราจะได้อะไรกับไปเยอะแยะมากมายขนาดนี้ อย่างที่บอกเมื่อเราสัมภาษณ์คนหลายๆ คนมากขึ้นเราจะเห็นถึงแนวคิดของเขา เราจะเห็นถึงพื้นฐานของชีวิตของเขา เราจะเห็นถึงครอบครัวของเขา ซึ่งบางทีแล้วอย่างที่พี่อ้อยบอกเราได้อะไรหลายๆ อย่างเอากลับมาใช้กับตัวเอง ซึ่งแนวคิดเหล่านั้นไม่จำเป็นต้องใช้เฉพาะกับ LGBTQ+ เท่านั้นมันใช้ได้กลับบุคคลทั่วๆ ไปธรรมดาโลกทุกๆ คนบนโลกใบนี้เพราะว่ามันเป็นหลักการที่มันมีอยู่จริงที่มันสามารถได้จริงกับทุกๆ คน
LGBTQ+ ต้องเก่งถึงจะถูกยอมรับ
ดีเจพี่อ้อย : พี่มีความรู้สึกอันนึงว่า ต่อให้พูดว่าสังคมไทยยอมรับมากขึ้น ถามว่ามันมากขึ้นไหมก็มากขึ้น แต่พอเป็นคนที่เกิดขึ้นอยู่ในครอบครัวเรา คำว่ายอมรับได้มันก็มีคนที่จะพูดเสียงดังเสียงเบาแตกต่างกันถูกไหมก๊อตจิ ก๊อตจิเองเป็นคนที่คุณพ่อคุณแม่ยอมรับความเป็นตัวตนของน้อง เชื่อไหมคะต่อให้เขาประสบความสำเร็จแค่ไหน นี่คือสิ่งที่เขาอยากสำเร็จที่สุดคือคนที่บ้านรักเขาในความเป็นเขาทุกคนพูดคำนี้เหมือนกันหมด เพราะฉะนั้นถ้าเกิดพี่อ้อยจะเป็นเสียงสะท้อนนึงคือมนุษย์คนนึงเหมือนกันทุกคนเกิดมาก็อยากได้ความรักจากในครอบครัว อยากรู้สึกภูมิใจที่ฉันได้เกิดมาเป็นตัวฉันจังเลย
ความรู้สึกที่มันเบสิคแค่นี้ให้กันได้หรือเปล่า หลังจากนี้พอเขาออกไปใช้ชีวิตในสังคมเขาก็คือมนุษย์คนนึงเขาจะต้องไปหาความสำเร็จในทางของเขาสำเร็จมากน้อยขนาดไหนเขาก็คือมนุษย์คนนึงอยู่ดี คือพี่ก็ไม่อยากขนาดว่าพวกเราต้องเข้าใจ LGBTQ+ สิ มันก็จะกลายเป็นว่าไปยกคำให้เขากลายเป็นกลุ่มคนบุคลิกพิเศษไปอีกไม่ต้องอะไรค่ะ เขาคือคนๆ นึงเหมือนกันเพียงแต่แค่ถ้าพี่อ้อยจะสะท้อนออกไปก็คือในครอบครัวค่ะเราอยากมีครอบครัว ที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยที่เป็นคนไม่เก่งก็ได้เป็นคนที่สามารถอ่อนแอก็ได้ เป็นคนที่น่ารักหรือไม่น่ารักก็ได้เพราะที่บ้านพร้อมจะโอบเขาในทุกเวอร์ชั่นของเขาพี่แค่อยากให้เป็นแค่นั้นพอ
ก๊อตจิ : เอาจริงๆ แล้วพ่อแม่ทุกคนที่มีลูกเป็น LGBTQ+ ก็จะเชื่อว่าเขามันมีความเป็นห่วงอยู่ลึกๆ ไม่ว่าจะเป็นข้ออ้างไม่ว่าจะเป็นคำพูดอะไรก็ตามที่เขาเอามาพูด เป็น LGBTQ+ ต้องเก่งนะ เป็น LGBTQ+ ก็ต้องเรียนหนังสือให้ดีนะ คือลึกๆ แล้วคิดว่าพ่อแม่เขาเป็นห่วง เป็นห่วงว่าเราจะดูแลตัวเองได้ไหม เราจะออกไปเผชิญสังคมแล้วเราจะดูแลตัวเองไม่ให้คนอื่นสังคมมาทำร้ายเราได้ไหมจุดนี้มากกว่า คำพูดว่าเป็น LGBTQ+ แล้วต้องเก่งต้องถีบตัวเองให้เก่งบางทีมันไม่ได้มาจากคนในครอบครัว บางมันอาจจะมาจากแรงกดดันของคนในสังคมหรือว่าคนรอบข้างมากกว่าเพราะว่าบางทีเราทำตัวให้มันเก่งหรือว่าให้มันโอเครับผิดชอบในหน้าที่ของเราเพราะไม่อยากให้คนอื่นมาพูดกับครอบครัวเราหรือว่ามาบอกพ่อบอกแม่เราว่า เฮ้ยดูสิลูกเธอเป็น LGBTQ+ แล้วยังรับผิด ชอบตัวเองไม่ได้นะ หรือว่าทำงานไม่ได้นะ หรือว่าเรียนหนังสือไม่เก่ง บางทีแรกกดดันมันไม่ได้มาจากในครอบครัวคนอื่นมากกว่าที่จะชอบยกแรงกดดันมาใส่ครอบครัวของเรา
LGBTQ+ จงภูมิใจและเป็นตัวเอง
ก๊อตจิ : เวลาคนอื่นมาตีตราหรือว่ามาขีดเส้นเรา พยายามอย่าให้รอยเหล่านั้นมันอยู่บนตัวเราไปตลอด อย่างน้อยเราพยายามขัดมันออกไปหรือว่าพยายามอย่าเอามันมาใส่ใจเราจงภูมิใจในตัวเองให้ดีที่สุดให้มากที่สุดก่อนเมื่อไหร่ที่มันมีการขีดเส้นมาหรือว่าเมื่อไหร่ที่มีการตีตรามา ตราเหล่านั้นหรือว่าเส้นเหล่านั้นจะทำอะไรผิวหนังเราไม่ได้เลย
ดีเจพี่อ้อย : หนูเป็นตัวของตัวหนูเถอะเราจะเรียกร้องการยอมรับยังไงก็ตามตัวเรายอมรับในความเป็นตัวตนของเราหรือยัง ขนาดเป็นคุณผู้ฟังที่โทรเข้ามาบางมีก็มีปัญหาความรักบางทีเสียงของเขาก็เช่น เออ..คือว่าผม เออ..ผมๆ เป็นชายรักชายครับ ค่ะ แล้วไงคืออย่าเพิ่งคิดว่าฉันคือจุดเล็กที่สุดของสังคมใบนี้ คุณก็คือเจ้าของโลกใบนี้เหมือนกันคนนึง จะเป็นใครก็ตาม เคารพตัวเองอย่าด้อยค่าตัวเองเพราะคนทุกคนมีความเป็นมนุษย์ไม่ต่างกัน