svasdssvasds

จ่ายเงินครั้งเดียวจบ ÜNOS รองเท้าที่โตตามขนาดเท้า ไม่ต้องทิ้งแล้วซื้อใหม่

จ่ายเงินครั้งเดียวจบ ÜNOS รองเท้าที่โตตามขนาดเท้า ไม่ต้องทิ้งแล้วซื้อใหม่

จบ ÜNOS รองเท้าผ้าใบที่โตขึ้นตามขนาดเท้า คือผลงานการออกแบบของ D’wayne Edwards นักออกแบบรองเท้าชื่อเสียงโด่งดังสำหรับผู้ใหญ่จะมีค่างวดอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,600 บาท และรองเท้าผ้าใบสำหรับเด็กมีค่างวดอยู่ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,100 บาท

ว่ากันว่าช่วงวัยรุ่นเป็นห้วงเวลาที่ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ผู้หญิงเริ่มมีทรวดทรงองค์เอว ความสูง-น้ำหนักเพิ่ม แขนขายืดยาว ผู้ชายเริ่มมีหนวด กระดูกแข็งแรง มัดกล้ามเนื้อชัดขึ้น และแน่นอนว่าขนาด “เท้า” ก็เพิ่มขึ้นด้วย

แต่ดูเหมือนว่าปัญหานี้ถูกตอบโจทย์ในเบื้องต้นแล้ว เพราะเร็ว ๆ นี้มีรองเท้าออกใหม่ชื่อว่า ÜNOS by Sz ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรมเจ๋ง ๆ นั่นคือรองเท้าจะขยายไปตามเท้าของผู้สวมใส่ ดังนั้น สโลแกนที่ว่า One size fits all เหมาะเหม็งกับรองเท้ารุ่นนี้เอามาก ๆ

Credit Target

อย่างไรก็ดี รองเท้าผ้าใบ ÜNOS คือผลงานการออกแบบของ D’wayne Edwards นักออกแบบรองเท้าชื่อเสียงโด่งดังที่ออกแบบรองเท้าให้ศิลปินมาแล้วมากมาย อาทิ Tupac, Notorious B.I.G. และ Snoop Dogg

สงสัยกันไหม ÜNOS ย่อมาจากอะไร การตั้งชื่อเรียกว่าสร้างสรรค์มาก ๆ เพราะย่อมาจากคำว่า Ü need One Size ซึ่งสะท้อนแนวคิดการออกแบบรองเท้าผ้าใบคู่นี้ ที่ซื้อมาแล้วก็สามารถใส่ได้ไม่รู้จบ ไม่ว่าเท้าเราจะขยายใหญ่แค่ไหนก็ตาม

Credit Target

พลิกดูบริเวณพื้นรองเท้าจะพบตัว Z ซึ่งมีฟังก์ชันในการปรับขยายออกตามขนาดเท้าเพื่อรองรับการใช้งาน ทั้งยังมีน้ำหนักเบาสบาย ระบายอากาศได้ดี ใส่ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่

นอกจากนี้ ยังมีมุมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ปกติแล้ว รองเท้า 1 รุ่น ต้องผลิตให้ได้ 40 ไซซ์ เพื่อให้ใส่ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่เมื่อเจอนวัตกรรมรองเท้าขยายได้ จาก 40 ไซซ์ ก็ผลิตแค่ 8 ไซซ์ ก็เพียงพอต่อคนทุกไซซ์แล้ว ลดการใช้แรงงาน เครื่องจักร รวมถึงวัสดุจำนวนมาก

ทั้งนี้ รองเท้าผ้าใบ ÜNOS วางขายแล้ว สำหรับผู้ใหญ่จะมีค่างวดอยู่ที่ 50 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,600 บาท และรองเท้าผ้าใบสำหรับเด็กมีค่างวดอยู่ที่ 35 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,100 บาท

Credit Target

Keep The World มีเกร็ดทิ้งท้ายไว้สั้น ๆ รู้หรือไม่ว่า ในแต่ละปี มีรองเท้าผ้าใบผลิตออกสู่อุตสาหกรรมรองเท้าราว 2.3 หมื่นล้านคู่ หรือคิดเป็นน้ำหนักกว่า 280 ตันต่อปี และกว่า 90% ในนี้ ถูกส่งไปกำจัดที่กระบวนการฝังกลบ

ด้วยเหตุ ฉะนี้ หลาย ๆ แบรนด์จึงเริ่มคิดหานวัตกรรมผลิตรองเท้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุธรรมชาติ หรือแม้กระทั่งคิดค้นแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขายรองเท้ามือสอง ในรายบริษัทยักษ์ใหญ่มีการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นรูปแบบ เพื่อจะได้กล้าการันตีว่ารองเท้ารุ่นนี้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ที่มา: designboom

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related