SHORT CUT
เกร็ดความรู้ดีๆว่า 4 เหตุผล ที่ทำไมธุรกิจต้องเร่งทำ ESG ก็เพราะว่า…กฎมาชัวร์ กลัวเงินหาย ขายให้จึ้ง ดึงTalents ตามแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
เพราะ..ธุรกิจมีโจทย์ใหญ่ คือ ต้องปรับตัวให้ “อยู่ได้-อยู่ดี” ในยุคโลกเดือด
พามาดูเกร็ดความรู้ดีๆว่า 4 เหตุผล ที่ทำไมธุรกิจต้องเร่งทำ ESG ก็เพราะว่า…กฎมาชัวร์ กลัวเงินหาย ขายให้จึ้ง ดึงTalents ตามแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
การทำธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องบอกได้คำว่าเดียวว่าธุรกิจไหนไม่ยั่งยืนจากนี้ไปส่อแววจะอยู่ได้ยากขึ้น เพราะเกมการค้า และพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากอดีตสิ้นเชิงหันมาใส่ใจเรื่อง ESG เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วยสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงและอุณหภูมิโลกที่กำลังเพิ่มสูงขึ้น ไม่ได้ส่งผลเสียกับธรรมชาติเท่านั้น แต่เริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนด้านสุขภาพมากขึ้น เช่น การเกิดโรคอุบัติใหม่ หรือการที่ภูมิอากาศแปรปรวนสร้างความอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ความยั่งยืนจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้...ทุกธุรกิจจึงต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
วันนี้มีเกร็ดความรู้ดีๆจาก finbiz by ttb ขอเสนอแนวคิดและเหตุผลที่ทำไมองค์กรธุรกิจต้องใส่ใจ ESG รวมถึงแนวทางสำหรับในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้
พร้อมกันนี้ยังมีเหตุผลดีๆมาบอกกล่าวกันว่าการที่ธุรกิจต้องเร่งใส่ใจ ESG เพราะธุรกิจจะเติบโตได้อย่างยั่งยืน ต้องเติบโตอย่างสมดุลทั้ง 3 ด้าน คือ People, Planet และ Profit โดยมองเรื่องของการลดผลกระทบเชิงลบ สร้างผลกระทบเชิงบวก ตลอดจนปรับตัวให้อยู่ได้และอยู่ดีในโลกที่เปลี่ยนไป การที่ธุรกิจต้องสนใจ การบริหารจัดการด้านความยั่งยืนองค์กร (ESG Management) มาจากเหตุผลหลัก 4 เรื่อง คือ “กฎมาชัวร์–กลัวเงินหาย–ขายให้จึ้ง–ดึง Talents
สำหรับแนวทางสำหรับธุรกิจในการทำ ESG
องค์กรควรให้ความสำคัญด้านความยั่งยืนด้วย การประเมินแบบ Double Materiality ซึ่งจะมีการพิจารณาผลกระทบด้านความยั่งยืนทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน (Non-Financial) แบบ Inside-Out / Outside-In แม้ว่าจะไม่ได้มีกฎบังคับว่าจะต้องมีการเปิดเผยผลการประเมินแบบ Double Materiality ไว้ในรายงาน แต่การประเมินรูปแบบนี้จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจับประเด็นในการพิจารณาได้ และเป็นการแสดงออกถึงความใส่ใจในประเด็น ESG ที่เกี่ยวข้องกับบริบทขององค์กร
เมื่อมีการประเมินได้ ธุรกิจจะสามารถปรับปรุงพัฒนาธุรกิจตามแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน และหากมีหลายประเด็นที่ต้องจัดการ ก็สามารถพิจารณาลำดับความเข้มข้นในการจัดการดังนี้
1) ทำตามกฎ ทำรายงานตามระเบียบต่าง ๆ และดำเนินธุรกิจตามกฎที่มีการบังคับใช้ พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งธุรกิจควรเก็บข้อมูลก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้สามารถวางแผนในการพัฒนาต่อไป
2) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เมื่อธุรกิจทำตามกฎระเบียบต่าง ๆ แล้ว ให้พิจารณาการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ลงได้ และยังสร้างส่วนต่างระหว่างต้นทุน และรายได้ให้กับธุรกิจ
3) ลงทุนเพื่อสร้างนวัตกรรม เมื่อธุรกิจสามารถดำเนินงานอย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ถึงเวลาของนวัตกรรมที่จะช่วยพัฒนาธุรกิจในทุก ๆ ด้าน ทั้งด้านของผลิตภัณฑ์ และกระบวนการต่าง ๆ ที่ต้องมีการลงทุนเพื่อสร้างผลประกอบการที่ยั่งยืนในระยะยาว และสร้างความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดีการที่ธุรกิจจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต้องมีการพัฒนาปรับปรุงอย่างไม่สิ้นสุดเช่นกัน การเป็นองค์กรที่ดำเนินงานตามแนวคิดการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน จะต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และสามารถสื่อสารเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยต้องมีนโยบายและการดำเนินการจริงไม่ใช่ทำเพื่อการตลาดตามเทรนด์เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เจ๋ง! หนุน AI ช่วยธุรกิจทำ ESG วัดคาร์บอนองค์กร ตรวจน้ำเสียแบบเรียลไทม์
Sustainability ถ้าไม่ทำจะเสียความน่าเชื่อถือ ทำแบรนด์แห่เพิ่มสินค้า ESG
เปิด "3 เทรนด์ความยั่งยืน" ใหม่มาแรง ESG ต้องเริ่มที่คนในองค์กรก่อน