svasdssvasds

หนุนใช้เทคโนโลยี ลุย ESG เร่งพัฒนานำ GIS แก้ปัญหา Climate Change

หนุนใช้เทคโนโลยี ลุย ESG เร่งพัฒนานำ GIS แก้ปัญหา Climate Change

พามาดูความพยายามใช้เทคโนโลยี ลุยนำไทยสู่ ESG พร้อมเร่งพัฒนานำ GIS มาแก้ไขความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ตั้งเป้านำไทยสู่ Smart City ทั่วประเทศ

SHORT CUT

  • ปัญหาโลกเดือด โลกร้อน  คือสิ่งเร่งด่วนที่ไทยต้องเร่งเครื่องรับมือให้ได้ และมั่นไปสู่ความยั่งยืน
  • มีความพยายามหนุนใช้เทคโนโลยี ลุย ESG เร่งพัฒนานำ GIS แก้ปัญหา Climate Change

  • World economic forum เผยว่า มีการนำ AI ช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุคปัจจุบัน 7 ประการ

พามาดูความพยายามใช้เทคโนโลยี ลุยนำไทยสู่ ESG พร้อมเร่งพัฒนานำ GIS มาแก้ไขความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ตั้งเป้านำไทยสู่ Smart City ทั่วประเทศ

ปัญหาโลกเดือด โลกร้อน คือสิ่งเร่งด่วนที่ไทยต้องเร่งเครื่องรับมือให้ได้ และมุ่งไปสู่ความยั่งยืน ในรูปแบบ ESG แน่นอนว่าการแก้ไขปัญหาดังกล่าวนอกจากจะใช้คน และยังคงต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการเข้ามาช่วยผลักดันเรื่อง ESG  และการแก้ปัญหา Climate Change  สำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหาClimate Change กำลังลุกลามไปทั่วโลก ร่วมถึงประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบนี้ด้วย จึงทำให้หลายหน่วยงานรวมถึงภาคธุรกิจต่างงัดหาวิธีมารับมือโลกเดือด

ล่าสุดข้อมูลจาก World economic forum เผยว่า มีการนำ AI ช่วยรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในยุคปัจจุบัน 7 ประการ คือ

  • การใช้ AI เพื่อรีไซเคิลขยะให้มากขึ้น
  • AI สามารถช่วยอุตสาหกรรมลดการปล่อยคาร์บอน
  • การทำแผนที่การตัดไม้ทำลายป่าด้วย AI
  • AI รู้ว่าที่ไหนภูเขาน้ำแข็งกำลังละลาย และเร็วแค่ไหน
  • AI ช่วยเหลือชุมชนที่เผชิญกับความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศในแอฟริกา
  • AI กำลังทำความสะอาดมหาสมุทร
  • Google DeepMind ของเครื่องมือสภาพอากาศ AI

หนุนใช้เทคโนโลยี ลุย ESG เร่งพัฒนานำ GIS แก้ปัญหา Climate Change

 

ในส่วนของประเทศไทยมีความพยายามมากมาย จากภาคเอกชน อย่างล่าสุด Esri Thailand ผู้นำเทคโนโลยี Location Intelligence เดินหน้าชูแพลตฟอร์ม “เมืองอัจฉริยะ” ตั้งเป้าสร้าง Smart City ทั่วประเทศในปี 2575 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้วางไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากโซลูชั่นที่จะมาแก้ปัญหา และพัฒนาจุดนี้แล้ว ยังเชื่อมั่นและขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง ESG

พร้อมกันนี้จะมีการนำความรู้ ความเชี่ยวชาญเทคโนโลยี GIS มาเร่งพัฒนา และแก้ปัญหาด้านความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยกระดับการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนในการรับเรื่องร้องเรียน และแก้ปัญหาในพื้นที่ พร้อมพาทุกคนไปสู่ความเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

โดย ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ ประธาน บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Esri Thailand ผู้นำด้านการพัฒนาแพลตฟอร์ม Location Intelligence ผ่านเทคโนโลยี GIS หรือการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ มุ่งพัฒนานวัตกรรมที่สามารถวิเคราะห์พื้นที่ และตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบที่หลากหลาย เพื่อสนับสนุนการทำงานของภาครัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และแก้ปัญหาในแต่ละด้านของเมืองได้อย่างตรงจุด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายหลักของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa) ที่ส่งเสริมการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความมั่นคงของประเทศ พร้อมผลักดันประเทศไทยไปสู่ “เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart City” ภายในปี 2575

โดยที่ผ่านมาหลายพื้นที่ในประเทศยังไม่สามารถบริหารจัดการข้อมูลผังเมืองผ่านเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากพอต่อการก้าวไปสู่การเป็น Smart City อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องด้วยข้อจำกัดที่ยังขาดตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลที่หลากหลาย ในการพัฒนาและแก้ปัญหาต่าง ๆ เช่น ข้อมูลพื้นฐานเมือง สาธารณูปโภค ข้อมูลประชากร ตลอดจนพื้นที่เสี่ยงภัยพิบัติ ทำให้ไม่สามารถนำข้อมูลแต่ละส่วนมาบริหารจัดการร่วมกันได้ดีพอ ก่อให้เกิดความล่าช้าในการทำงาน จึงจำเป็นต้องมองหาเทคโนโลยีที่เข้ามามีส่วนช่วยบูรณาการ เชื่อมโยง และนำเสนอข้อมูล เพื่อยกระดับการทำงาน และอำนวยความสะดวกให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ให้บริการประชาชนอย่างครบถ้วน และครอบคลุมทุกพื้นที่

หนุนใช้เทคโนโลยี ลุย ESG เร่งพัฒนานำ GIS แก้ปัญหา Climate Change

นอกจากนี้ Esri Thailand จึงได้คิดค้น และพัฒนาแพลตฟอร์ม “Geo City Data” ที่มีคุณสมบัติในการทำงานเป็นตัวกลางบูรณาการ รวบรวม และเชื่อมโยงข้อมูลเมืองทั้งหมดเข้าด้วยกัน พร้อมแสดงผลแบบครบวงจรผ่านทั้งรูปแบบแผนที่ 2 มิติและ 3 มิติ ช่วยให้เห็นมุมมองที่รอบด้าน เข้าใจง่าย และสะดวกต่อการนำไปวิเคราะห์เพื่อบริหารจัดการเมือง หรือแก้ปัญหาที่แตกต่างกันไปของแต่ละพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งยังสามารถสร้างภาพเสมือนของเมืองผ่านนวัตกรรม “Digital Twin” ที่จะสร้างแบบจำลองวัตถุทางกายภาพได้ทุกสิ่ง ช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รวมทั้งช่วยประกอบการตัดสินใจวางแผนแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดผ่านการคาดการณ์อนาคต ทั้งในด้านการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน สวัสดิการสังคม สาธารณสุข การบริหารจัดการเมือง สิ่งแวดล้อม รวมถึงการบริหารจัดการภัยพิบัติอีกด้วย นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การทำงานคล่องตัวยิ่งขึ้น และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะพาประเทศไทยสู่ Smart City ได้ตามที่ตั้งเป้าไว้

ดร.ธนพร กล่าวเสริมว่า “Esri Thailand ได้ร่วมมือกับเทศบาลนครศรีธรรมราช ในการใช้แพลตฟอร์ม “Geo City Data” บริหารจัดการเมืองเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน แก้ปัญหาความเดือดร้อน และทุกฝ่ายสามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การแจ้งเรื่องร้องเรียนปัญหา การมอนิเตอร์สถานการณ์ภัยพิบัติที่ทันท่วงที รวมถึงการพัฒนาเมืองตามจุดบกพร่องให้ตรงความต้องการมากขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้เรายังได้ขยายความร่วมมือกับเทศบาลเมืองหัวหิน ซึ่งมีศักยภาพด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต ให้พร้อมวางแผนและบริหารจัดการข้อมูลเมืองให้ตอบโจทย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

related