SHORT CUT
กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เผยสถิติ "สภาพอากาศสุดขั้ว" ของประเทศไทยระหว่าง พ.ศ. 2513-2565 ที่ผ่านมา เกิดในช่วงไหน และแต่ละภูมิภาคเป็นอย่างไร
ในปัจจุบันมักจะเห็นข่าวเหตุการณ์สภาพอากาศรุนแรงสุดขั้วเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และทวีความรุนแรงมากขึ้นทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพายุหมุนเขตร้อน ฝนตกรุนแรง น้ำท่วม ไปจนถึงคลื่นความร้อนและภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งปรากฏการณ์นี้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยมีภาวะโลกร้อนเป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้รูปแบบสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไป
อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และระบบนิเวศต่างๆ อีกด้วย ซึ่งประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วด้วยเช่นกัน
สภาพอากาศสุดขั้ว คือ สภาวะอากาศที่รุนแรงผิดปกติ จนอาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรง เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
Global Climate Risk Index 2021 จัดอันดับให้ประเทศไทยอยู่ที่ 9 ประเทศที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เพจเฟซบุ๊ก กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้เผยข้อมูล สภาพอากาศสุดขั้วของประเทศไทย ระหว่างปี ค.ศ. 1970-2022 (พ.ศ. 2513-2565)
โดย CHPEs (อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุดมากกว่า 35 องศาเซลเซียส บวกกับมีปริมาณฝนมากกว่า 35.1 mm.)ในภาพรวมประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (0.26 เหตุการณ์/ทศวรรษ) CHPEs ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงกรกฎาคม
โดยจำนวนวันที่สภาพอากาศร้อน ในภาพรวมของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (7 วัน/ทศวรรษ) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
โดยจำนวนวันที่ฝนตกหนักในภาพรวมของประเทศไทย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (0.25 วัน/ทศวรรษ) ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม
ที่มาข้อมูล : กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม