ถูกอกถูกใจสายซดบะหมี่! นิสชิน พร้อมวางขายถ้วยบะหมี่ทำจากกระดาษ ต้นปี 2024 วางเป้าหมายระยะยาว ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน 30% และต้องการบรรลุเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอนฯ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050
เคยเป็นไหม? ตกกลางดึก ท้องหิว จึงกลั้นใจลงไปกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แต่ต้องมาเสียเวลาต้มน้ำร้อน กว่าจะซดบะหมี่ร้อน ๆ ก็ตั้งนั่งรอให้น้ำเดือดเสียก่อน ดูเหมือนปัญหานี้กำลังถูกคลี่คลาย ด้วยวิธีการที่ดี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมา Nissin Food USA ได้ประกาศว่าบรรจุภัณฑ์ของบะหมี่ถ้วยที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน จะถูกแทนที่ด้วยบรรจุภัณฑ์ที่ทำมาจากกระดาษ เพื่อลดปริมาณการใช้พลาสติกในกระบวนการผลิตของบริษัท พร้อมเตรียมวางขายครั้งแรกในช่วงต้นปี 2024
นิสชิน กล่าวว่า บรรจุภัณฑ์ของบะหมี่ถ้วยทุกรสชาติภายใต้แบรนด์นิสชิน จะถูกเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์จากที่ทำจากกระดาษ ซึ่งเป็นกระดาษที่ทำจากเส้นใยรีไซเคิลในสัดส่วน 40%
และภายนอกบรรจุภัณฑ์จะไม่มีพลาสติกหุ้มแบบที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป นอกจากนี้บะหมี่ถ้วยแบบใหม่ จะเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ปราศจากโพลิสไตรีน (Polystyrene-free)
รู้หรือไม่? พอลิสไตรีนคือพลาสติกที่มักถูกใช้ทำเป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าหลากหลายชนิดเช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร ช้อนส้อมที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง เหตุที่วัสดุชนิดนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายเนื่องจากมีราคาถูก น้ำหนักเบา และสามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี กันน้ำ กันความชื้น
ยิ่งถูกอกถูกใจคนรักบะหมี่เข้าไปใหญ่ เพราะนิสชินแจ้งว่าบรรจุภัณฑ์กระดาษแบบใหม่ สามารถนำเข้าเครื่องไมโครเวฟได้ ไม่ต้องไปตั้งกาน้ำร้อนให้เสียเวลาอีกต่อไป
ซึ่งนี่ทำให้ขั้นตอนการปรุงสุก จะถูกย่นระยะเวลาลงเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ขั้นตอนการต้มน้ำจนกระทั่งพร้อมรับประทาน นิสชินกล่าวเพิ่มอีกว่า บรรจุภัณฑ์บะหมี่ถ้วยแบบใหม่ ทำให้เวลาในการปรุงสุกบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถูกใช้ไปแค่ราว ๆ 2 นาที 15 วินาทีเท่านั้น
แต่หากเราจำกันได้นิสชินไม่ใช่บริษัทด้านอาหารเพียงแห่งเดียวที่โอบรับและให้ความตระหนักรู้ในเรื่องสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ผ่านมา แมคโดนัลด์ ก็เพิ่งจะประกาศยุติการใช้ช้อน 'McFlurry' อย่างเป็นทางการ โดยความตั้งใจในการปรับเปลี่ยนก็คล้ายคลึงกันคือ ต้องการลดขยะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว (Single-used plastic) นั่นเอง
ทั้งนี้ ทั้งนั้น การเปลี่ยนไปใช้บะหมี่ถ้วยทำจากกระดาษคือส่วนหนึ่งของโครงการ Earth Food Challenge 2030 ของนิชชิน โดยโครงการนี้เป็นโครงการที่นิสชิน ตั้งเป้าหมายในระยะยาวว่าต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ลง 30% ภายในปี 2030 และต้องการต้องการบรรลุเป้าหมายในการเป็นกลางทางคาร์บอนฯ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2050
“บะหมี่ถ้วยได้กลายเป็นอาหารประจำบ้านของทุกคนไปแล้ว หลังจากผ่านมา 50 ปีนับตั้งแต่บะหมี่ถ้วยได้เกิดขึ้น” ไมเคิล ไพรซ์ ประธานและซีอีโอของ Nissin Food USA กล่าว
“แม้ผู้บริโภคจะนิยมรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกันอย่างแพร่หลายอยู่แล้ว แต่เราก็จะพัฒนาแบรนด์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด และต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา”
ที่มา: TODAY
ข่าวที่เกี่ยวข้อง