svasdssvasds

ไฟเขียว! ส่งออก “งูสวยงาม”-พร้อมเร่งบูม “ปลาสวยงาม” ลุยตลาดจีน

ไฟเขียว! ส่งออก “งูสวยงาม”-พร้อมเร่งบูม “ปลาสวยงาม” ลุยตลาดจีน

ไทยเร่งบูมส่งออก "สัตว์เศรษฐกิจ" ล่าสุด ครม. ไฟเขียว! ยกเลิกมติ เปิดทางส่งออก "งูสวยงาม" สร้างรายได้เข้าประเทศ ส่วน พาณิชย์ ลุย ส่งออก “ปลาสวยงาม” ไปจีน

SHORT CUT

  • ไทยส่งออกสินค้าออกไปจำหน่ายยังตลาดโลกจำหน่ายมหาศาล โดย เฉพาะสัตว์เศรษฐกิจนับว่าเป็นสินค้าที่ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศจำนวนมหาศาล
  • ล่าสุด ครม. ไฟเขียว! ยกเลิกมติ เปิดทางส่งออก "งูสวยงาม" สร้างรายได้เข้าประเทศ ส่วนพาณิชย์ ลุย ส่ง “ปลาสวยงาม” ลุยจีน

  • สำหรับความต้องการของตลาด คนหนุ่มสาวชาวจีนนิยมเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็ก และจะนิยมเลี้ยงปลาสวยงามบนโต๊ะทำงาน

ไทยเร่งบูมส่งออก "สัตว์เศรษฐกิจ" ล่าสุด ครม. ไฟเขียว! ยกเลิกมติ เปิดทางส่งออก "งูสวยงาม" สร้างรายได้เข้าประเทศ ส่วน พาณิชย์ ลุย ส่งออก “ปลาสวยงาม” ไปจีน

ปีหนึ่งๆไทยส่งออกสินค้าออกไปจำหน่ายยังตลาดโลกจำหน่ายมหาศาล โดย เฉพาะสัตว์เศรษฐกิจนับว่าเป็นสินค้าที่ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศจำนวนมหาศาล และไทยยังคงเดินหน้าเร่งส่งเสริมสัตว์เศรษฐกิจต่อเนื่อง ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติสำคัญเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้ยกเลิกมติ ครม. เดิมเมื่อปี 2533 และ 2534 ที่ห้ามการส่งออกงูมีชีวิตและหนังงูที่ยังไม่แปรรูปออกนอกราชอาณาจักร นับเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดที่บังคับใช้มากว่า 30 ปี เพื่อเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ให้กับประชาชนและผู้ประกอบการ

ทั้งนี้การยกเลิกมติดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีหลายด้าน ทั้งการสร้างรายได้เข้าประเทศจากการส่งออก, การสนับสนุนธุรกิจเพาะเลี้ยงงูสวยงามให้กับประชาชนผู้ประกอบการ, และที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาการลักลอบนำงูมีชีวิตออกนอกประเทศอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งการเปิดให้ส่งออกอย่างถูกกฎหมายภายใต้การกำกับดูแล จะช่วยลดแรงจูงใจในการกระทำผิดได้

โดยเพจ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานว่า ปัจจุบันการซื้อขายงูสวยงามภายในประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 275 ล้านบาท/ปี คาดว่ามูลค่าการส่งออกงูสวยงามอาจสูงถึง 275 ล้านบาท/ปี ซึ่งเทียบเคียงกับมูลค่าการซื้อขายงูสวยงามภายในประเทศ​ นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าธุรกิจที่สืบเนื่องจากงูสวยงาม ซึ่งทำให้เกิดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ เช่น ธุรกิจการผลิตสัตว์อาหารงู ไม่ต่ำกว่า 180  ล้านบาท/ปี ธุรกิจอาหารสำหรับเลี้ยงเหยื่องู ไม่ต่ำกว่า 51 ล้านบาท/ปี ธุรกิจอุปกรณ์ในการเลี้ยงงู ไม่ต่ำกว่า 17 ล้านบาท/ปี การรักษางูจากโรงพยาบาลสัตว์ (รวมยาเวชภัณฑ์) ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านบาท/ปี​ เป็นต้น

ไฟเขียว! ส่งออก “งูสวยงาม”-พร้อมเร่งบูม “ปลาสวยงาม” ลุยตลาดจีน

อย่างไรก็ตามประชาชนและผู้ประกอบการที่สนใจจะส่งออกงู จะต้องดำเนินการขออนุญาตตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 และอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ซึ่งเป็นกรอบกฎหมายที่มีความเข้มงวดในการพิจารณา เพื่อให้มั่นใจว่าการค้าสัตว์ป่า ซากสัตว์ป่า และผลิตภัณฑ์ จะไม่ส่งผลกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ ไม่ทำให้ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าต้องสูญพันธุ์ และป้องกันการค้าสัตว์ป่าผิดกฎหมาย

ด้าน กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)  มีการชี้เป้าผู้ส่งออกไทย ให้ส่งออกปลาสวยงามเจาะตลาดจีน หลังผลสำรวจพบตลาดโตต่อเนื่อง ผู้บริโภคนิยมเลี้ยงบรรเทาเครียดและเพื่อความสวยงาม เผยจีนนำเข้าจากไทยอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย ระบุปลากัดมาแรงสุด ตามด้วยปลาเสือตอ และปลาทองหัวสิงห์

โดย นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทำการสำรวจลู่ทางการค้า และโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ล่าสุดได้รับรายงานจากนางสาวอรนุช วรรณภิญโญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการสำรวจตลาดปลาสวยงามในจีน และโอกาสในการส่งออกปลาสวยงามของไทยเข้าไปจำหน่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไฟเขียว! ส่งออก “งูสวยงาม”-พร้อมเร่งบูม “ปลาสวยงาม” ลุยตลาดจีน

ทั้งนี้ทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า อุตสาหกรรมปลาสวยงามของจีน ได้พัฒนาและเติบโตจนกลายเป็นอุตสาหกรรมระดับหมื่นล้านหยวน (4.76 หมื่นล้านบาท) โดยปลาสวยงามแบ่งออกปลายปลาสวยงามน้ำจืด และปลาสวยงามน้ำทะเล โดยปลาสวยงามน้ำจืดครองสัดส่วนตลาดสูงสุดถึง 85% และปัจจุบันจีนมีเขตอุตสาหกรรมปลาสวยงามหลักสองแห่ง ได้แก่ พื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกและชายฝั่งทะเลตอนใต้ (มณฑลกวางตุ้ง มณฑลเจียงซู มณฑลซานตง) และภาคเหนือ (นครปักกิ่ง นครเทียนจิน มณฑลจี๋หลิน) 

สำหรับความต้องการของตลาด คนหนุ่มสาวชาวจีนนิยมเลี้ยงปลาสวยงามขนาดเล็ก และจะนิยมเลี้ยงปลาสวยงามบนโต๊ะทำงาน โดย 42% ของผู้บริโภคตามที่มีการสำรวจ พบว่า เลี้ยงปลาเพื่อบรรเทาความเครียด ผู้บริโภค 16% เลี้ยงปลาสวยงามตกแต่งโต๊ะทำงาน และผู้บริโภค 15% เป็นความสนใจส่วนตัว  ส่วนการนำเข้าปลาสวยงามของจีน ตามข้อมูลจาก Global Trade Atlas ระบุว่า ในปี 2567 จีนมีมูลค่าการนำเข้าปลาสวยงาม 27,839,317 เหรียญสหรัฐ นำเข้าจากไทยมากเป็นอันดับสามของการนำเข้าปลาสวยงามทั้งหมด รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ตามลำดับ แต่มีโอกาสเติบโตมากกว่านี้

โดยปลาไทย ที่ได้รับความนิยม อาทิ ปลากัด เนื่องจากมีสีสันสวยงาม ท่วงท่าการว่ายน้ำที่สง่างาม และลักษณะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ โดยสายพันธุ์ยอดนิยม เช่น ปลากัดจีน ปลากัดฮาฟมูน ปลากัดหางมงกุฎ ปลากัดยักษ์ และยังมีปลาเสือตอไทยที่มีลายเสือสีทองและรูปลักษณ์ที่สง่างาม ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งฐานะสำหรับผู้เล่นชั้นนำในตลาดปลาสวยงามระดับไฮเอนด์ และมีปลาทองหัวสิงห์ไทยคุณภาพสูง ซึ่งกลายมาเป็นดาวรุ่งในตลาดจีน

ไฟเขียว! ส่งออก “งูสวยงาม”-พร้อมเร่งบูม “ปลาสวยงาม” ลุยตลาดจีน

“จากการเติบโตของตลาดปลาสวยงามดังกล่าว ผู้ประกอบการไทยควรเร่งพัฒนาการเพาะสายพันธุ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางสายพันธุ์ปลา เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดจีนและควรศึกษาเส้นทางการขนส่งใหม่ ๆ เนื่องจากการระยะเวลาการขนส่งนาน เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกปลาสวยงามที่อาจเกิดความเสี่ยงต่อการตายของปลาได้ โดยกรมพร้อมที่จะส่งเสริมการส่งออกปลาสวยงาม โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างชื่อเสียงปลาสวยงามของไทยให้เป็นที่รู้จัก เน้นการประชาสัมพันธ์ตลาดกลุ่มผู้บริโภคระดับไฮเอนด์ โดยการออกบูธหรือการประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมิเดียของจีน เพื่อกระตุ้นความต้องการต่อไป”นางสาวสุนันทากล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related