แผ่นดินโลกสูญเสียน้ำไปนับล้านล้านตัน ซ้ำเติมระดับน้ำทะเล

งานวิจัยที่เผยแพร่ลงบนวารสาร Science เมื่อเดือนมีนาคม เปิดเผยว่า แผ่นดินของโลกมีความสามารถกักเก็บน้ำได้น้อยลงมาเมื่อเทียบกับอดีต ซึ่งทำให้น้ำที่ถูกกักเก็บบนบก ในชั้นน้ำใต้ดิน ทะเลสาบ แม่น้ำ หรือแม้แต่ช่องว่างเล็กๆ ในดิน มีปริมาณลดลงหลายล้านล้านเมตริกตันในช่วงต้นศตวรรษที่ 21

นักวิทยาศาสตร์คาดว่า การที่ปริมาณน้ำจืดลดลงอย่างรวดเร็วนั้น เกิดจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นทั้งบนบกและในมหาสมุทร ซึ่งเชื่อมโยงกับการเกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั่วโลก และเมื่อพิจารณาจากภาวะโลกร้อนที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้น แนวโน้มของวิกฤตปริมาณน้ำก็น่าจะยังไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเร็วๆ นี้

ทีมวิจัยใช้หลายวิธีในการประเมินการสูญเสียน้ำบนบกตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2020 ได้แก่ การใช้ดาวเทียมสังเกตแรงโน้มถ่วงบนพื้นดิน การประเมินความชื้นในดิน วัดการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลทั่วโลก และการสังเกตการเปลี่ยนแปลงการหมุนของโลกอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของการกระจายมวลรอบโลก โดยเมื่อน้ำเคลื่อนตัวจากพื้นดินไปยังทะเล ขั้วของโลกก็เคลื่อนตัวไปประมาณ 45 เซนติเมตร

ข้อมูลทั้งหมดสอดคล้องกับประเด็นพื้นฐานที่ทำให้พวกเขาพบว่า ปริมาณน้ำที่ถูกกักเก็บบนบกลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงต้นศตวรรษที่ 21 ตั้งแต่ปี 2005 ถึง 2015 โดยลดลงไปถึงเกือบ 1.3 ล้านล้านเมตริกตัน ซึ่งเทียบเท่ากับระดับน้ำทะเลทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น 3.5 มิลลิเมตร

ทีมวิจัยระบุว่า การสูญเสียความชื้นในดินนั้นรุนแรงและน่าเป็นห่วงเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับภาวะแห้งแล้งของทั่วโลก และยังส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ซ้ำเติมผลกระทบจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก

พวกเขายังแสดงความกังวลด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์อุณหภูมิของโลกในอนาคตแล้ว น้ำในดินก็ไม่น่าจะกลับมาเพิ่มขึ้นอีก ในขณะที่ทุกชีวิตบนบกต้องการน้ำจืด หากมีน้ำไม่เพียงพอ สิ่งที่ตามมาอาจเป็นหายนะ