ปลาแองเกลอร์ว่ายน้ำหาแสงแรกและแสงสุดท้ายของชีวิต จริงหรือไม่

เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อนักวิจัยกลุ่มหนึ่งค้นพบปลาหน้าตาประหลาดห่างจากชายฝั่งของเทเนริเฟของสเปน และตัดสินใจว่ายลงไปเเพื่อถ่ายคลิปที่น่าจะจำเอาไว้ เนื่องจากปลาตัวดังกล่าวนั้นเป็นปลาหายากน้ำลึกที่ไม่สามารถหาพบได้ทั่วไป

มันคือปลาแองเกลอร์ (Anglerfish) สายพันธุ์ที่เรียกว่าปีศาจดำ มักถูกพบได้ในระดับความลึก 200 ถึง 2,000 เมตร นับเป็นปลาในตำนานที่น้อยคนนักที่จะมีโอกาสได้เห็นขณะมีชีวิต เอกลักษณ์ของมันคือการใช้ส่วนหลังที่เต็มไปด้วยแบคทีเรียสร้างการเรืองแสงบนอวัยวะพิเศษที่งอกจากหลังขึ้นมา เพื่อใช้เป็นเหยื่อล่อดึงดูดเหยื่อเข้ามาใกล้

นักวิจัยยังไม่แน่ใจว่าเหตุใดนักล่าในทะเลลึกตัวนี้จึงมาปรากฎตัวบริเวณนี้ โดยระบุในแถลงการณ์ว่า “อาจเป็นเพราะโรคบางอย่าง เช่น กระแสน้ำขึ้น การหลบหนีของนักล่า หรือปัจจัยอื่นๆ ที่ไม่ทราบแน่ชัด

ขณะเดียวกัน มีกระแสคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ออกมาร้องไห้ฟูมฟายกับการกระทำของปลาแองเกลอร์ตัวดังกล่าว หลังมีผู้ที่นำคลิปขณะที่มันลอยขึ้นใกล้ผิวน้ำไปโพสลงบน Tiktok พร้อมเรื่องราวที่น่าเศร้าใจซึ่งระบุว่า ปลาชนิดดังกล่าวไม่เคยเห็นแสงอาทิตย์มาก่อน มันจึงดั้นด้นว่ายขึ้นมาชมแสงอาทิตย์ด้วยตาสักครั้งก่อนที่จะตาย

คลิปดังกล่าวทำให้เกิดการแสดงความคิดเห็นที่เป็นการร่วมแสดงความอาลัยกับปลาแองเกลอร์อย่างรวดเร็ว บางคนบอกว่ามันคือไอดอลในการใช้ชีวิตที่น่าภูมิใจ ที่มุ่งไปหาแสงสว่างที่ใฝ่ฝัน แม้ว่าจะต้องดั้นด้นหลายพันกิโลเมตรและจบชีวิตในท้ายที่สุด

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่าปฏิกิริยาของวัยรุ่นที่มีต่อปลาแองเกลอร์ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ เพราะการที่ปลาลอยขึ้นมาก็เป็นการเปรียบเปรยถึงประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์ โดยกลาวว่า “ปลาตกเบ็ดใช้ชีวิตทั้งชีวิตในมหาสมุทรอันมืดมิดและโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้มันกำลังว่ายน้ำไปหาสิ่งที่สดใสกว่า สิ่งที่ไม่รู้จัก แม้ว่ามันจะไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการเดินทางครั้งนี้ได้ก็ตาม” ซึ่งสื่อได้ถึงความอดทนในการก้าวไปข้างหน้าของมนุษย์ จึงไม่แปลกที่จะสะท้อนอารมณ์ใครหลายๆ คนนั่นเอง

ด้านบรูซ โรบินสัน นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันวิจัยพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมอนเทอเรย์เบย์เชื่อว่ามีคำอธิบายที่เป็นไปได้อยู่สองสามข้อ คือ
1. มันอาจกินปลาที่มีกระเพาะลมหรือต่อมแก๊สเข้าไป ซึ่งจะขยายตัวและผลักดันมันขึ้นมาบนผิวน้ำเหมือนปลาลอยน้ำ 
2. มันอาจะติดอยู่ในกระแสสายน้ำอุ่นที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งเกิดจากรอยแยกใต้น้ำในบริเวณภูเขาไฟที่มีชื่อเสียงแห่งนี้