svasdssvasds

ลุ้น! มาตรการรัฐรับซื้อ "กากอ้อย-ใบสด" ผลิตไฟฟ้าคลอดไว คาดลดเผา 1 ล้านไร่

ลุ้น! มาตรการรัฐรับซื้อ "กากอ้อย-ใบสด" ผลิตไฟฟ้าคลอดไว คาดลดเผา 1 ล้านไร่

อีกหนึ่งแนวทางแก้ไขปัญหาการเผาอ้อย คือ กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมคุยกับกระทรวงพลังงาน ออกมาตรการรัฐรับซื้อ "กากอ้อย-ใบสด" ผลิตไฟฟ้ารอบใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดเผา 1 ล้านไร่ ต้องจับต่อความคืบหน้าต่อไป

SHORT CUT

  • ฝุ่น PM2.5 จากการเผายังปล่อยสารพิษอื่นๆ ออกมาอีกมากมาย เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งสารพิษเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
  • โดยเฉพาะการเผาอ้อยที่ถือได้ว่าเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเผาก่อนการเก็บเกี่ยวมาจากต้นทุนที่ใช้ในการเก็บเกี่ยว อาจเป็นเพราะเกษตรกรมีต้นทุนน้อยจึงเลือกวิธีเผาแล้วตัด
  • พาส่องแนวทางแก้ไขการเผาอ้อย พร้อมลุ้นมาตรการรัฐรับซื้อ "กากอ้อย-ใบสด" ผลิตไฟฟ้าคลอดไว คาดลดเผา 1 ล้านไร่

อีกหนึ่งแนวทางแก้ไขปัญหาการเผาอ้อย คือ กระทรวงอุตสาหกรรม เตรียมคุยกับกระทรวงพลังงาน ออกมาตรการรัฐรับซื้อ "กากอ้อย-ใบสด" ผลิตไฟฟ้ารอบใหม่ ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดเผา 1 ล้านไร่ ต้องจับต่อความคืบหน้าต่อไป

เพิ่งจะดีใจได้ไม่กี่วัน วันนี้ (29 ม.ค.68) เวลา 07.00 น. กทม.รายงานค่าฝุ่น PM 2.5 ค่าเฉลี่ย 32.8 มคก./ลบ.ม. ค่าฝุ่น กทม.สีส้ม 7 เขต ฝุ่นละอองแนวโน้มเพิ่มขึ้น จึงทำให้ต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้กันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องการเผาในที่โล่ง เป็นอีกตัวการหนึ่งเพราะจะเกิดควันและเขม่า ซึ่งในควันและเขม่านั้นมีอนุภาคขนาดเล็กมากมายที่เรียกว่า PM2.5 ปะปนอยู่ เมื่ออนุภาคเหล่านี้ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ก็จะกลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ

ฝุ่น PM2.5 จากการเผายังปล่อยสารพิษอื่นๆ ออกมาอีกมากมาย เช่น ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ซึ่งสารพิษเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเผาอ้อยที่ถือได้ว่าเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ ซึ่งข้อมูลจาก สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการเผาก่อนการเก็บเกี่ยวมาจากต้นทุนที่ใช้ในการเก็บเกี่ยว อาจเป็นเพราะเกษตรกรมีต้นทุนน้อยจึงเลือกวิธีเผาแล้วตัด ทำให้ไม่สามารถลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

พร้อมกันนี้พามาดูข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย รายงานสถานการณ์การผลิตอ้อย ปี 2567/68 วันที่ 28 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาว่า ปริมาณอ้อยเข้าหีบข้อมูล ณ วันที่ 27 มกราคม 2568 (รวมวันเปิดหีบ 53 วัน) มีทั้งสิ้น 46,902,235.330 ตัน แบ่งเป็นปริมาณอ้อยสด 39,013,386.795 ตัน หรือคิดเป็น 83.18 % และปริมาณอ้อยลักลอบเผา 7,888,848.535 ตัน หรือคิดเป็น 16.82% พบจุดความร้อน 739 จุด อยู่ในพื้นที่ปลูกอ้อย 64 จุด

ลุ้น! มาตรการรัฐรับซื้อ \"กากอ้อย-ใบสด\" ผลิตไฟฟ้าคลอดไว คาดลดเผา 1 ล้านไร่

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องเผาออ้อยทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ล่าสุด นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวถึงมาตรการรับซื้ออ้อยของโรงงานต่าง ๆ ว่า ได้มีการทำข้อตกลงสร้างกติกาให้โรงงานรับอ้อยเผาในแต่ละวันไม่เกิน 25% ซึ่งจากข้อมูลปัจจุบัน ไม่มีโรงงานใดใน 58 โรงงานรับอ้อยเผาต่อวันเกินกว่าที่กำหนด เฉลี่ยสุดท้ายอยู่ที่ 10 - 11%

ส่วนมาตรการช่วยเหลือ คือ จ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรที่ตัดอ้อยสดให้ตันละ 120 บ.แต่มาตรการดังกล่าวนั้นสิ้นสุดลงไปแล้ว โดยได้มีการเสนอมาตรการใหม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตั้งแต่เดือน พ.ย.2566 ที่ผ่านมา โดยเป็นการอุดหนุนทั้งการตัดอ้อยสด และรวบรวมใบอ้อยส่งโรงงาน รวมแล้วอยู่ที่ตันละ 120 บ.

นอกจากนี้จะมีการสนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตร โดยได้มีการพูดคุยกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เพื่อนำกลับอ้อยและใบไปผลิตไฟฟ้า พร้อมกันนี้ระบุว่า หากต่อมาตรการที่สิ้นสุดลงไปปลายเดือน มี.ค. - เม.ย. 2568 จะสามารถช่วยเซฟพื้นที่การเกษตร และการเผาในพื้นที่โล่ง เป็นล้านไร่ ซึ่งอย่างไรก็ตามเราจะดำเนินการอย่างเข้มงวด และหลังจากนี้จะต้องมีการออกแบบระบบอย่างยั่งยืนยืน เพราะไม่ชอบการแก้ไขปัญหาแบบเฉพาะหน้าหรือปลายเหตุ

พามาดูทางฝั่งเอกชนอย่าง กลุ่มมิตรผล ที่จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการขายใบอ้อยเท่านั้น แต่ยังสร้างความตระหนักรู้และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้นได้ ร่วมสร้างพลังงานทดแทนด้วยการนำใบอ้อยมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชีวมวล รวมถึงส่งเสริมในการนำใบอ้อยบางส่วนไปใช้คลุมดินเพื่อเป็นปุ๋ยอินทรีย์และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินตามธรรมชาติ โดยในฤดูหีบ 2567/2568 นี้ กลุ่มมิตรผลมีนโยบายรับการซื้อใบอ้อยในราคาตันละ 900 บาท และตั้งเป้ารับซื้อถึง 700,000 ตัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

related