SHORT CUT
ส่วนความร้อนประเทศกัมพูชา 978 จุด เมียนมา 537 จุด สปป.ลาว 326 จุด เวียดนาม 131 จุด
ข้อมูลจุดความร้อนจาก GISTDA ในประเทศไทย เผยว่า วันที่ 25 มกราคม 2568 ไทยมีทั้งสิ้น 710 จุด ส่วนเพื่อนบ้านกัมพูชาแชมป์ 978 จุด ด้านสถานการณ์ฝุ่นดีขึ้นหลังวันที่ 27 มกราคม สภาพอุตุนิยมวิทยาเอื้อต่อการระบายอากาศ ลมพัดค่อนข้างแรง
จุดความร้อน นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดเรื่องการเกิดฝุ่น PM2.5 เนื่องจากจุดความร้อนจะส่งผลร้ายแรงต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ทั้งการเผาไหม้ การปล่อยมลพิษทางอากาศ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือด จนส่งผลให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ขึ้นได้
ทั้งนี้ข้อมูลจุดความร้อนจาก GISTDA ในประเทศไทย เผยว่า วันที่ 25 มกราคม 2568 ไทยมีทั้งสิ้น 710 จุด แบ่งเป็น พื้นที่ป่า 311 จุด นาข้าว 151 จุด อ้อย 65 จุด ข้าวโพด 34 จุด เกษตรอื่นๆ 106 จุด และอื่นๆ 43 จุด จุดความร้อนประเทศกัมพูชา 978 จุด เมียนมา 537 จุด สปป.ลาว 326 จุด เวียดนาม 131 จุด
ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) กรมควบคุมมลพิษ รายงานว่า แนวโน้มพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สถานการณ์ดีขึ้น ค่ารายชั่วโมงลดลง ภาพรวมยังเกินเกณฑ์มาตรฐาน ภาคกลางยังเป็นสีแดงในหลายจังหวัด ค่ารายชั่วโมงยังสูงอยู่ในหลายจังหวัด ภาคอีสานภาพรวมยังคงเกินเกณฑ์มาตรฐาน ค่ารายชั่วโมงลดลงในหลายจังหวัด ภาคตะวันออกสถานการณ์ดีขึ้น มีเพียงจังหวัดปราจีนบุรีที่เป็นสีแดง ภาคเหนือตอนบน
โดยภาพรวมอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหลายจังหวัด แต่ภาคเหนือตอนล่างยังเกินเกณฑ์มาตรฐาน จังหวัดสุโขทัยยังเป็นสีแดง อัตราการระบายอากาศของกรุงเทพมหานคร มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม ภาคอีสานมีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม แนวลมของประเทศไทย ค่อนข้างแปรปรวน โดยเป็นลมทิศใต้และตะวันออกเฉียงใต้
สรุป สถานการณ์ฝุ่นละอองทุกพื้นที่ของประเทศไทย มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังวันที่ 27 มกราคม เป็นต้นไป เนื่องจากสภาพอุตุนิยมวิทยาที่เอื้อต่อการระบายอากาศมากยิ่งขึ้น ลมที่พัดค่อนข้างแรง ประกอบกับอัตราการระบายอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น จะช่วยระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ได้ ส่งผลให้สถานการณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหลังวันที่ 29 มค 68 พื้นที่ กทม อาจต้องเฝ้าระวังอีกครั้งเนื่องจากอัตราการระบายอากาศที่ต่ำลงแต่ประเมินแล้วจะไม่รุนแรงเท่าสัปดาห์ที่ผ่านมา
มาดูมาตรการรับมืออีกหนึ่งภาคส่วน คือ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ภายใต้การกำกับดูแลของศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ความสำคัญเรื่องแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นอย่างมาก เนื่องจากเล็งเห็นถึงความเดือดร้อนของประชาชนทุกภาคส่วน จึงออกแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ภาคการเกษตร ในเขตพื้นที่นิคมสหกรณ์
โดยสั่งการไปยังสำนักงานสหกรณ์จังหวัด ที่มีพื้นที่ Hotspot ให้กำชับกวดขัน “นิคมสหกรณ์” ในพื้นที่รับผิดชอบให้ดำเนินการประชาสัมพันธ์แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ไม่ให้มีการเผาในเขตพื้นที่นิคมสหกรณ์โดยเด็ดขาด หากตรวจสอบพบว่ามีเกษตรกรสมาชิกที่ฝ่าฝืนเผาในเขตพื้นที่นิคมสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์จะดำเนินการชะลอการออกหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมสหกรณ์ (กสน.3)
และชะลอการได้รับหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) ซึ่งเป็นเอกสารที่สามารถนำไปขอออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ ตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ รวมทั้งจะไม่ได้รับการสนับสนุนแผนงาน/โครงการ/เงินอุดหนุนของรัฐบาล ในฐานะสมาชิกนิคมสหกรณ์ และจากสหกรณ์ที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม นิคมสหกรณ์ต้องรายงานผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการรายเดือน ภายใต้มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี พ.ศ.2568 ให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ทราบ ภายในวันที่ 7 ของทุกเดือนจนกว่าจะสิ้นสุดสถานการณ์ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม 2568 เป็นต้นไป เพื่อให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้รวบรวม ผลการดำเนินการ และรายงานให้กรมควบคุมมลพิษทราบเพื่อวางแผนดำเนินการต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง