svasdssvasds

เดินหน้าลุย “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ให้ส่วนลดตรวจสภาพรถ รับมือควันดำ

เดินหน้าลุย “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ให้ส่วนลดตรวจสภาพรถ รับมือควันดำ

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เดินหน้า “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5 ครั้งที่ 6” สนับสนุนการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อลดควันดำมีจุดให้บริการกว่า 1,463 แห่ง นาน 6 เดือน

SHORT CUT

  • เปิดเกมแก้ฝุ่นพิษ กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  เดินหน้า “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5 ครั้งที่ 6”
  • ทั้งนี้จะสนับสนุนการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อลดควันดำมีจุดให้บริการกว่า 1,463  แห่ง นาน 6 เดือน
  • สำหรับการดำเนินโครงการบำรุงรักษารถ ลดฝุ่น PM 2.5 ครั้งที่ 6 ในปีนี้ มีสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 9 บริษัท สนับสนุนส่วนลดสำหรับค่าบำรุงรักษาเพื่อลดควันดำ อาทิ การตรวจสอบสภาพฟรี ส่วนลดน้ำมันเครื่อง ค่าแรง

กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เดินหน้า “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5 ครั้งที่ 6” สนับสนุนการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เพื่อลดควันดำมีจุดให้บริการกว่า 1,463 แห่ง นาน 6 เดือน

หลายฝ่ายกำลังมีความพยายามในการช่วยกันแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ล่าสุด นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ตระหนักถึงปัญหาฝุ่น PM2.5 มาโดยตลอด ดังนั้น ภายใต้นโยบาย One FTI จึงได้มีการส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมมุ่งสู่อุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Go Green ให้ครบวงจรการดำเนินธุรกิจ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่ลดการรับซื้อวัตถุดิบการเกษตรที่มาจากการเผา ให้ความร่วมมือในการเฝ้าตรวจวัดมลพิษทางอากาศที่ปล่อยออกจากกระบวนการผลิต

และควบคุมกิจกรรมต่างๆ ภายในโรงงานที่เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่น บำรุงรักษาเครื่องจักรและรถยนต์ขนส่งพนักงาน และผลักดันให้สมาชิกโรงงานอุตสาหกรรมดำเนินงานตามแนวทางโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมให้ธุรกิจใช้พลังงานหมุนเวียนในองค์กร ซึ่งจะเป็นกลไกลเชิงรุกในการป้องกันปัญหาฝุ่นละอองและมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน

นอกเหนือจากภาคการผลิตที่กล่าวมาข้างต้น ส.อ.ท. ให้ความสำคัญกับปัญหา PM2.5 จากภาคขนส่ง โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ที่มีสัดส่วนกว่า 50% ซึ่งมาจากรถยนต์บรรทุกที่ขนส่งสินค้าและรถโดยสารประจำทาง ที่ขาดการตรวจสภาพและดูแลเครื่องยนต์ให้มีความพร้อมในการใช้งาน ด้วยเหตุนี้ ส.อ.ท. จึงได้ให้สมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ดำเนินโครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM 2.5 ซึ่งดำเนินมาเป็นครั้งที่ 6 แล้ว ผ่านการให้ส่วนลดกับผู้ใช้รถยนต์เข้าศูนย์บริการ เพื่อบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM2.5

เดินหน้าลุย “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ให้ส่วนลดตรวจสภาพรถ รับมือควันดำ

นางสาวยุพิน บุญศิริจันทร์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  กล่าวว่า  “จากที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมดำเนิน “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” 5 ครั้งที่ผ่านมานั้น ภาคเอกชนได้ร่วมกันให้ส่วนลดในการตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์และการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสำหรับรถยนต์ดีเซลที่หมดระยะเวลาการรับประกันกว่า 600,000 คัน ซึ่งสามารถคำนวณออกมาเป็นจำนวนเงินที่บริษัทสมาชิกสนับสนุนงบประมาณการดำเนินโครงการฯ มากกว่า 115 ล้านบาท”

สำหรับการดำเนินโครงการบำรุงรักษารถ ลดฝุ่น PM 2.5 ครั้งที่ 6 ในปีนี้ มีสมาชิกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ 9 บริษัท สนับสนุนส่วนลดสำหรับค่าบำรุงรักษาเพื่อลดควันดำ อาทิ การตรวจสอบสภาพฟรี ส่วนลดน้ำมันเครื่อง ค่าแรง และค่าอะไหล่ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและการตรวจสอบสภาพเครื่องยนต์ สำหรับรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซินเก่าในพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งมีบางบริษัทดำเนินโครงการฯ จนถึงเดือนมีนาคม 2568 โดยจะมีศูนย์บริการจากค่ายรถยนต์เข้าร่วมกว่า 1,463 แห่ง ในช่วงเวลา 6 เดือน สำหรับประชาชนที่สนใจสามารถประสานและขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการของค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการฯ

เดินหน้าลุย “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ให้ส่วนลดตรวจสภาพรถ รับมือควันดำ

อย่างไรก็ตามกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. ในฐานะตัวแทนภาคอุตสาหกรรม เล็งเห็นว่าแนวทางการสนับสนุนให้ประชาชนมีการบำรุงรักษารถยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์เก่า จะเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้ของรถยนต์ และลดผลกระทบที่จะทำให้เกิดปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ นอกจากนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ยังผลักดันให้เกิดการพัฒนายานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษ และเตรียมพร้อมเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ โดยเฉพาะยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก ผนวกกับการส่งเสริมการลดผลกระทบเชิงลบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ เกิดจากปัจจัย 3 อย่าง คือ รถยนต์ การเผาชีวมวล และสภาพอากาศที่ปิด หากเราช่วยกันแก้ปัญหาฝุ่นจากรถยนต์จะสามารถลดปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ ได้มาก ปีที่ผ่านมามีการจับรถควันดำกว่า 2,000 คันจาก 200,000 คัน แต่กลับพบว่าแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ไม่ได้มาก วิธีที่ดีที่สุด คือ การเปลี่ยนน้ำมันเครื่องใหม่และไส้กรองอากาศเครื่องยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถยนต์ดีเซลเก่า

แต่ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนไม่เปลี่ยนไส้กรองและน้ำมันเครื่องตามกำหนด โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ SMEs จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในวันนี้ที่หน่วยงานภาครัฐร่วมกับเอกชน จัดแคมเปญขึ้นเป็นนาทีทอง เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2568 จะได้ส่วนลดพิเศษ เพื่อเป็นแรงจูงใจและสร้างความภาคภูมิใจว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมลดปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯ เพื่อให้ทุกคนหันมาแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ร่วมกัน ซึ่งกทม.ตั้งเป้าหมายไว้ 500,000 คัน

นอกจากนี้ กรุงเทพมหานคร ยังได้ทำการทดสอบการปล่อย PM2.5 จากยานยนต์จำลองดีเซลยูโร 3 ที่ผ่านการตรวจควันดำแล้ว ณ โรงเรียนฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร (อาทร สังขะวัฒนะ) เขตทุ่งครุ โดยมีการตั้งข้อสังเกตระหว่างยานยนต์ที่ไม่มีการบำรุงรักษา และยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษา โดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่องในห้องขนาดพื้นที่ 50 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งผลการทดสอบพบว่า ยานยนต์ที่มีการบำรุงรักษาโดยการเปลี่ยนไส้กรองรถยนต์และน้ำมันเครื่อง สามารถลดการปลดปล่อย PM2.5 ได้ถึง 50% และช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งกรุงเทพมหานคร ได้กำหนดให้รถยนต์ส่วนบุคคลของผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และรถราชการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก่อนสิ้นปี 2567

เดินหน้าลุย “โครงการคลินิกรถ ลดฝุ่น PM2.5” ให้ส่วนลดตรวจสภาพรถ รับมือควันดำ

ทั้งนี้จึงขอเชิญชวนให้ทุกคนเข้าร่วมแคมเปญนี้ เพราะจะทำให้เครื่องยนต์ของรถยนต์ดีขึ้น และขอให้ทุกคนร่วมกันใช้ระบบขนส่งสาธารณะ ซึ่งกทม.จะเร่งดำเนินการให้คนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากยิ่งขึ้น ด้วยการอำนวยความสะดวกด้านรถ Feeder และทางเดินเท้า เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางกับระบบขนส่งสาธารณะ

ที่มา : กทม., ส.อ.ท. 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related