น้ำคือหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญต่อทุกชีวิตบนโลก แต่ปัจจุบันผู้คนจำนวนมากในหลายประเทศ กลับไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดได้ ขณะที่บางประเทศยังคงขึ้นชื่อว่ามีน้ำดื่มที่สะอาดที่สุดในโลก คำถามคือพวกเขารักษาความสะอาดของน้ำไว้ได้อย่างไร
วิกฤติด้านการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะน้ำสะอาด ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่องค์การอนามัยโลกอยากให้ทุกประเทศให้ความสำคัญ เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตและสุขภาพของประชาชน วันนี้ Keep The World จะพาไปดูกันว่า มีประเทศไหนบ้างที่ยังคงมีน้ำสะอาดที่สุดในโลก แล้วเขารักษาคุณภาพน้ำได้อย่างไร
1. ฟินแลนด์
ฟินแลนด์ได้รับการยอมรับว่ามีน้ำที่สะอาดที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เนื่องจากประเทศนี้มีทะเลสาบ 168,000 แห่ง และ 85% ของทะเลสาบเหล่านั้นอยู่ในสภาพดีเยี่ยม น้ำส่วนใหญ่มาจากทะเลสาบเหล่านี้ โดยเฉพาะทะเลสาบ Päijänne ยังถูกใช้เป็นแหล่งน้ำให้กับประชากรเกือบหนึ่งล้านคน
หลายปีก่อน น้ำของฟินแลนด์ก็เคยได้รับมลพิษจากกิจกรรมทางอุตสาหกรรม แต่ปัจจุบันมีการบังคับใช้กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม และการตรวจสอบที่เข้มงวด จนสามารถปรับปรุงคุณภาพน้ำให้กลับมาดีขึ้น สะอาดในระดับที่ต้องการเพียงการแปรรูปแบบเบา เช่น การบำบัดด้วยแสงยูวี ก็สามารถจะส่งถึงบ้านเรือนได้เลย ขณะที่ทางการต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาน้ำให้สะอาดและปลอดภัยอยู่เสมอ แม้บางครั้งจะมีปัญหาอย่างการไหลบ่าของน้ำในภาคการเกษตรก็ตาม
2. เนเธอร์แลนด์
เนเธอร์แลนด์ใช้กรรมวิธีทางธรรมชาติและปราศจากสารเคมีในการทำให้น้ำบริสุทธิ์ โดยน้ำสองในสามมาจากน้ำใต้ดิน ส่วนที่เหลือมาจากแม่น้ำและเนินทราย โดยทรายได้ทำหน้าที่เป็นตัวกรองตามธรรมชาติในกระบวนการที่เรียกว่าการตกตะกอน
ก่อนที่น้ำจะไหลลงสู่ก๊อกน้ำ น้ำจะถูกทำให้บริสุทธิ์อีกครั้งโดยใช้การกรองด้วยคาร์บอน โอโซน และแสงยูวี ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้คนจะได้น้ำดื่มที่สะอาดปราศจากคลอรีน ด้วยการปกป้องแหล่งน้ำและดูแลรักษาระบบการจ่ายน้ำอย่างเข้มงวด ทำให้เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่มีน้ำสะอาดที่สุดในโลก
3. ไอซ์แลนด์
น้ำของไอซ์แลนด์มีความสะอาดมากจนคนส่วนใหญ่ต่างนิยามว่ามันเป็นน้ำที่ดีที่สุดในโลก โดยน้ำส่วนใหญ่มาจากแหล่งน้ำใต้ดินและน้ำพุน้ำจืด เป็นน้ำที่ปราศจากสารเคมี เช่น คลอรีนและแคลเซียมโดยธรรมชาติ
อย่างไรก็ตาม ยังมีน้ำบางส่วนของไอซ์แลนด์ที่ต้องผ่านการบำบัดด้วยแสงยูวีเพื่อความปลอดภัย เช่น น้ำจากแม่น้ำ ธารน้ำแข็ง ทะเลสาบ และแหล่งความร้อนใต้พิภพซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่ถูกส่งไปทั่วประเทศ โดยน้ำทั้งหมดในประเทศไอซ์แลนด์ได้รับการยืนยันว่าผ่านมาตรฐานคุณภาพมากกว่า 99% จึงปลอดภัยและให้ความสดชื่น
4. นอร์เวย์
นอร์เวย์มีชื่อเสียงด้านธารน้ำแข็งและทะเลสาบกว่า 455,000 แห่ง ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่สะอาดที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ชาวนอร์เวย์ประมาณ 90% ดื่มน้ำจากทะเลสาบ แม่น้ำ และลำธาร รัฐบาลจะทดสอบและตรวจสอบน้ำเหล่านี้เป็นประจำเพื่อให้ปลอดภัย
แม้ว่าน้ำของนอร์เวย์จะมีมลพิษในระดับต่ำ แต่ก็ยังต้องผ่านการฆ่าเชื้อเพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนให้หมด ทำให้ชาวนอร์เวย์เกือบ 99% มั่นใจได้ว่า พวกเขามีน้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัย
5. สวิตเซอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเสียงในด้านน้ำสะอาดที่มีคุณภาพสูงมากกว่าน้ำดื่มบรรจุขวดที่วางขายทั่วโลก โดยน้ำประมาณ 80% มาจากแหล่งน้ำใต้ดินซึ่งกรองโดยธรรมชาติด้วยกรวดและหิน ส่วนที่เหลือมาจากน้ำพุและทะเลสาบในเทือกเขาแอลป์
หน่วยงานของสวิสยังใช้เทคนิคการทำให้น้ำมีความบริสุทธิ์ขั้นสูง เช่น กระบวนการโอโซนและการกรองคาร์บอน นอกจากนี้ยังบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด เช่น ห้ามใช้สารเคมีอันตรายในผงซักฟอกเพื่อปกป้องแหล่งน้ำ ส่วนชุมชนในสวิสจำนวนมากต่างก็รู้วิธีบริหารจัดการระบบน้ำของตนมานานกว่าร้อยปี เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขามีน้ำสะอาดและเชื่อถือได้
เห็นได้ชัดว่าบรรดาประเทศที่มีน้ำสะอาดที่สุดเหล่านี้ ต่างมีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีโครงสร้างพื้นฐานที่ดี และมีการบังคับใช้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและดูแลระบบน้ำอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามพวกเขายังคงเผชิญความเสี่ยงจากมลพิษ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ซึ่งทั่วโลกต้องร่วมแก้ไขไปด้วยกัน