สัตว์ที่สูงที่สุดในโลกอย่าง "ยีราฟ" กำลังเผชิญกับวิกฤติร้ายแรงอย่างการสูญพันธุ์ ทั้งจากโลกร้อน และการล่าสัตว์ของมนุษย์
สำนักงานประมงและสัตว์ป่าแห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแนะให้จำแนกสายพันธุ์ยีราฟต่างๆ ไว้ภายใต้ กลุ่มสัตว์ 'ใกล้สูญพันธุ์' หรือ 'ถูกคุกคาม' ซึ่งเป็นรายงานที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับทั่วโลก เพราะในขณะที่เรายังคิดว่าสามารถมองเห็นยีราฟได้ตามสวนสัตว์ทั่วไป คงไม่มีใครคาดคิดว่ายีราฟตามธรรมชาติจะมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วขนาดนี้
สาเหตุหลักๆ ไม่ใช่เพียงวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังมีการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยจากการขยายตัวของเมือง และที่เลวร้ายที่สุด คือการ 'ถูกล่า' โดยมนุษย์
การค้ายีราฟ
สหรัฐอเมริกา ได้กลายเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับการซื้อขายอวัยวะร่างกายของยีราฟ ซึ่งมีการนำเข้ามาในประเทศถึง 40,000 ชิ้น ภายใน 10 ปี และยังมีนักล่าชาวอเมริกันเดินทางไปแอฟริกาเพื่อล่าสัตว์และเพื่อครอบครองถ้วยรางวัล ซึ่งยีราฟก็จัดเป็นหนึ่งในสัตว์ที่มักจะถูกล่า
จากข้อมูลในปี 2022 พบว่าชิ้นส่วนอวัยวะยีราฟที่ได้รับความนิยมในการนำเข้ามาในสหรัฐฯ มีตั้งแต่กะโหลกศีรษะไปจนถึงหาง ทั้งผลิตภัณฑ์จากหนัง กระดูกแกะสลัก เท้ายีราฟ พรมยีราฟ และเครื่องประดับยีราฟ
ยักษ์ใหญ่คอยาวที่ไม่เป็นภัยต่อมนุษย์เหล่านี้ กำลังประสบกับวิกฤติการสูญพันธุ์อย่างเงียบๆ โดยที่ผู้คนทั่วโลกแทบไม่รู้เรื่องราวของพวกมัน และไม่เคยได้รับการปกป้องอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม หากได้รับกาจัดอยู่ในประเภท 'ใกล้สูญพันธุ์' จะถือเป็นภัยคุกคามระดับสูงสุดภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของอเมริกา ที่จะทำให้พวกมันได้รับความคุ้มครองในทันที ส่งผลให้การนำเข้าต้องมีใบอนุญาต ซึ่งจะช่วยยับยังการล่าและการค้ายีราฟที่ผิดกฎหมาย และสามารถควบคุมปริมาณการถูกล่าได้ โดยค่าธรรมเนียมในการขออนุญาตจะถูกนำไปใช้เป็นทุนในการวิจัยและการอนุรักษ์ยีราฟ