svasdssvasds

13 ปีแห่งความหวัง ชาวญี่ปุ่นยังคงดำน้ำตามหาภรรยา ผู้สูญเสียจากสึนามิ 2011

13 ปีแห่งความหวัง ชาวญี่ปุ่นยังคงดำน้ำตามหาภรรยา ผู้สูญเสียจากสึนามิ 2011

“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันอยากกลับบ้าน” ข้อความสุดท้ายจากยูโกะถึงทาคามัตสึ ก่อนจากกันตลอดกาล นี่คือเรื่องราวของชายชาวญี่ปุ่นวัย 69 ปี นามว่า "ยาสึโอะ ทาคามัตสึ" ผู้ใช้เวลากว่า 13 ปี ดำน้ำลงมหาสมุทรกว่า 650 ครั้ง เพื่อตามหาภรรยาผู้เป็นที่รัก...

เรื่องราวนี้มีทั้งความเศร้า เจือปนความหวัง และความรักต่อสามีที่มีให้ต่อภรรยา ยาสึโอะ ทาคามัตสึ ชายผู้สูญเสียภรรยาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามึที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ปี 2011 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตร่วม 2 หมื่นราย สูญหายอีกนับไม่ถ้วน

13 ปีแห่งความหวัง ชาวญี่ปุ่นยังคงดำน้ำตามหาภรรยา ผู้สูญเสียจากสึนามิ 2011

เส้นทางคู่ชีวิตของทาคามัตสึ และยูโกะเริ่มต้นขึ้นในปี 1988 เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน และลงหลักปักฐานกันที่จังหวัดมิยากิ เมืองโอนากาวะ ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ติดชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ห่างจากเซ็นไดประมาณ 70 กิโลเมตร ไม่นาน ทั้งคู่ก็มีพยานรักลืมตาดูโลก 2 คนคือลูกชาย (คนโต) และลูกสาว

แต่แล้วจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตก็คืบคลานมาถึง วันที่ 11 มีนาคม 2011 ขณะที่ทาคามัตสึกำลังเดินทางกลับบ้าน หลังขับรถพาแม่ยายไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมา ชั่วขณะนั้นเอง เกิดแผ่นดินไหวขนาด 9.0 และมีรายงานว่าคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ซัดถล่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ซึ่งหมายรวมถึงจังหวัดมิยากิ

สึนามิ ปี 2011 ซัดถล่มเมืองโอกานาวะ จังหวัดมิยากิ Credit Reuters

แผ่นดินไหวในครั้งนั้นเกิดขึ้นอยู่นานนับ 6 นาที ลึกลงไปใต้พื้นดิน 32 กิโลเมตร โดยมีศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่นอกชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮกุ) ของคาบสมุทรโอชิกะเหตุการณ์นี้ถูกนิยามว่าเป็นภัยพิบัติแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นอันดับ 4 ของโลก เท่าที่มีการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 1900

ผลกระทบหลังเกิดแผ่นดินไหวคือคลื่นสึนามิขนาดยักษ์ซัดทำลายสิ่งปลูกสร้างราบเป็นหน้ากลอง พร้อมทั้งพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปร่วม 19,759 ราย และสูญหายอีก 2,553 ราย ทางฟากของทาคามัตสึ แม่ยาย รวมถึงลูก ๆ อีกสองคนปลอดภัยดี แต่ยูโกะ...เธอกลายเป็นเหยื่อจากภัยพิบัติในครั้งนี้

จดจำ เรียนรู้ และปรับตัว Credit Reuters

เบาะแสสุดท้ายที่มีการบันทึกไว้คือยูโกะไปทำงานที่ธนาคาร The 77 Bank สาขาโอนากาวะ ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ผู้จัดการสาขาได้อพยพพนักงานทั้ง 13 คนขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดินประมาณ 10 เมตร

หลังคลื่นสึนามิซัดถล่ม มีรายงานว่าพนักงานยังไม่ทรายชะตากรรมของพนักงาน 8 คน รวมถึงยูโกะด้วย ช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง ทาคามัตสึ ได้รับข้อความจากยูโกะว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันอยากกลับบ้าน” หลังจากนั้น ยูโกะก็หายสาบสูญไปตลอดกาล

สองปีต่อมา ท่ามกลางซากปรักหักพังของเมืองโอนากาวะ ทีมกู้ภัยได้พบโทรศัพท์ของยูโกะ และได้ส่งคืนให้กับทาคามัตสึ โทรศัพท์ยังใช้งานได้ เมื่อเปิดไปดูในกล่องข้อความ พบว่ามีอีกหนึ่งข้อความที่ยังค้างอยู่ “คลื่นสึนามิครั้งใหญ่”

หลังผ่านพ้นเหตุการณ์นั้นมา ทาคามัตสึได้ทำงานเป็นคนขับรถบัสจนกระทั่งเกษียณอายุ แต่สิ่งหนึ่งที่สามีผู้นี้ทำมาตลอดคือเขาใช้เงินเก็บไปเรียนดำน้ำ กระทั่งได้รับใบอนุญาตในปี 2014 หลังจากนั้น เขาก็ดำน้ำหายูโกะ ภรรยาผู้จากเพียงกาย แต่ยังสถิตอยู่ในหัวใจนับตั้งแต่นั้นมา

ตั้งแต่วันที่ยูโกะจากไปจนถึงวันนี้ ทาคามัตสึ ดำน้ำไปแล้วกว่า 650 ครั้ง เพื่อค้นหาร่างภรรยา แม้เข้าใจดีว่าคงไม่มีกายหยาบให้จับต้องสัมผัสกันอีก แต่เขาก็ยืนกรานว่ายังไงก็จะตามหาต่อไปเรื่อย ๆ

ยาสึโอะ ทาคามัตสึ” ชาวญี่ปุ่น วัย 67 ปี ผู้ดำน้ำค้นหาภรรยากว่า 650 ครั้ง หลังสูญหายไปจากเหตุการณ์สึนามี ปี 2011 Credit AFP

“กลับบ้านกันเถอะ” ทาคามัตสึกระซิบแผ่วเบาราวกับว่ายูโกะเฝ้าฟังอยู่

เรียนรู้จากความสูญเสีย และป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก

หลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว และสึนามึ ปี 2011 ทำให้ญี่ปุ่นทุกภาคส่วนทั้งรัฐ เอกชน หรือแม้แต่ประชาชนทุกคนได้ช่วยกันฟื้นฟูเมืองโอนากาวะให้กลับมางดงามดังที่เคยเป็น รวมถึงมีการยกระดับสิ่งปลูกสร้างให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว หรือสามารถรับมือกับน้ำท่วมได้

นอกจากนี้ ยังมีการปลูกฝังประชาชนให้รู้วิธีรับมือเมื่อเกิดภัยพิบัติ ปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กเล็ก เพราะญี่ปุ่นถอดบทเรียนออกมาแล้วพบว่าเมื่อเกิดภัยพิบัติไม่ว่าความช่วยเหลือใดก็ไม่รวดเร็ว และทันท่วงทีมากที่สุดนอกจากประชาชนต้องช่วยเหลือตนเอง

 

 

ที่มา: South China Morning Post

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related