svasdssvasds

ความจริงมีแค่หนึ่งเดียว "ปลาหมอคางดำ" ใครทำให้ระบาด

ความจริงมีแค่หนึ่งเดียว "ปลาหมอคางดำ" ใครทำให้ระบาด

ยังคงเป็นที่ประเด็นถกเถียงกรณีการระบาดของ "ปลาหมอคางดำ" ที่สร้างความกังวลว่าจะเกิดการทำลายระบบนิเวศในแม่น้ำของประเทศไทย ขณะที่อธิบดีกรมประมงพยายามชี้แจงข้อโต้แย้งต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องหลักฐานการส่งมอบซากปลาหมอจากบริษัทเอกชน ใครกันแน่ที่พูดความจริง?

วันที่ 18 ก.ค. 67 นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ได้เข้าร่วมการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย โดยมีนายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.พรรคก้าวไกล เป็นประธานอนุ กมธ. และได้เชิญนักวิชาการ รวมถึงตัวแทนผู้ได้รับความเดือดร้อน เข้าร่วมให้ข้อมูล ทำให้เกิดการโต้แย้งและชี้แจงในหลายประเด็น

  • หลักฐานการกำจัดปลาหมอคางดำ 50 ตัว

หลังจากบริษัทซีพีเอฟยืนยันว่า เมื่อปี 2553 เคยมีการนำเข้าลูกปลาหมอคางดำ จำนวน 2,000 ตัว แต่สุดท้ายเลี้ยงไม่รอดจนเหลือจำนวนเพียง 50 ตัว และยกเลิกโครงการไป ก่อนจะมีการส่งมอบซากปลาทั้งหมดให้กับทางกรมประมงตั้งแต่ปี 2554 

ขณะที่กรมประมงกลับปฏิเสธว่าไม่มีเอกสารยืนยันการส่งมอบซากปลา 50 ตัว โดยนายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ระบุเพียงว่าทางตอนนี้กรมประมงไม่มีบันทึกดังกล่าว หากทางบริษัทเอกชนมีหลักฐานการส่งมอบซากปลาก็ขอให้นำออกมามอบให้ทางกรมเพื่อเป็นการยืนยันความจริง

การระบาดของปลาหมอคางดำ

  • ต้นตอการระบาดของปลาหมอคางดำ

โดยก่อนหน้านี้ซีพีเอฟเปิดเผยมุมมองว่าการระบาดครั้งนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางบริษัท เพราะโครงการเลี้ยงปลาหมอคางดำได้ผ่านมานาน 14 ปีแล้ว และปลาชุดสุดท้ายก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว จึงอาจมีเอกชนเจ้าอื่นที่นำเข้ามาแล้วทำให้ระบาดในภายหลัง โดยเฉพาะการนำมาเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม

อย่างไรก็ตาม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานคณะอนุกรรมาธิการ พิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ กล่าวว่าเรื่องระยะเวลาการระบาดอาจเป็นการเข้าใจผิด เพราะความจริงคือมันระบาดมา 14 ปีแล้ว  เพียงแต่ตอนนี้มีการระบาดหนักขึ้นจาก 5 จังหวัด เป็น 16 จังหวัด ส่วนประเด็นปลาหมอคางดำในโครงการที่ซีพีเอฟอ้างว่าตายและถูกกำจัดหมดแล้ว วันนี้ยังไม่มีใครได้เห็นหลักฐานหรือซากปลาชุดดังกล่าวจากกรมประมงเลย

ส่วนคำกล่าวอ้างว่า อาจมีบริษัทอื่นที่ไม่ได้รับอนุญาตแต่มีการลักลอบนำเข้า นายณัฐชามองว่าเป็นคำกล่าวอ้างที่ใครก็สร้างได้ อยากให้พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่มีในตอนนี้ คือข้อมูลที่กรมประมงชี้แจงว่าตั้งแต่ปี 2553 มีการอนุญาตนำเข้าปลาหมอคางดำ ให้กับบริษัทเอกชนเพียงรายเดียว

  • ไทยเคยมีการส่งออกปลาหมอคางดำ

นายณัฐชายังตั้งคำถามต่อกรณีที่บริษัทเอกชนเผยข้อมูลว่า เคยมีการส่งออกปลาพันธุ์นี้จากไทยไปยังประเทศอื่น ในปี 2556-2560 ซึ่งอธิบดีกรมประมงยอมรับว่าตนเองก็ตกใจ เพราะไม่มีข้อมูลเรื่องนี้ แต่มีการตั้งทีมค้นคว้าแล้ว และพบว่ามีการส่งออกปลาในช่วงเวลาดังกล่าว ไปยังปลายทาง 17 ประเทศ มีผู้ส่งออก 11 ราว รวมปลาทั้งหมด 230,000 ตัว แต่หลังจากปี 2561 ที่มีการแก้กฎกระทรวง ก็ไม่มีการส่งออกเกิดขึ้นอีก

นอกจากนี้นายณัฐชายังแสดงความกังวลถึงประเด็นการรับซื้อปลาหมอคางดำของภาครัฐ ที่ต้องมีการวางแผนอย่างรัดกุม เพราะอาจทับซ้อนกับแผนการปล่อยปลากระพงขาว 90,000 ตัว ไปล่าปลาหมอคางดำ ซึ่งอาจกลายเป็นการไปไล่จับปลากระพงที่ปล่อยไปแทน ย้ำว่าจะต้องวางไทม์ไลน์ให้ชัดเจนระหว่างการไล่จับปลาและการปล่อยปลากระพง รวมถึงแผนที่ว่าจะปล่อยปลาที่ตัดต่อพันธุกรรมแล้วให้ไปผสมพันธุ์จนได้ปลาที่เป็นหมัน แต่ปัจจุบันยังมีงบโครงการเพียง 150,000 บาท เท่านั้น ซึ่งอธิบดียืนยันมาตรการแก้ปัญหาว่า ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการทดลอง งบประมาณดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เนื่องจากกรมประมงมีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการวิจัยอยู่บ้างแล้ว

ปลาหมอคางดำ