SHORT CUT
อากาศที่ดีเป็นสิ่งที่ใครๆต่างก็ใฝ่ฝัน เพราะ แค่ตื่นมากับอากาสที่ดีนั้นมันสุดคำจะบรรยายได้จริงๆ ถึงแม้ตอนนี้เราจะยังไม่ติดแรงก์อากาศดีของโลก แต่ก็ยังมีอีกหลายๆประเทศที่มีอากาศดีๆให้เราได้ไปสัมผัสสักครั้ง
อากาศที่ดีควรเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนเข้าถึงได้ แต่นับวันคุณภาพอากาศทั่วโลกยิ่งเลวร้ายลง และเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก Spring ได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณภาพอากาศโลกมาฝาก โดยพบว่า ในปี 2023 มีเพียงแค่ 7 ประเทศทั่วโลกเท่านั้นที่มีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก และภูมิภาคที่มีอากาศเลวร้ายที่สุดก็คือ เอเชียกลางและเอเชียใต้
จากข้อมูลของ World Air Quality Report จัดทำโดยบริษัท IQAir ระบุว่า ประเทศที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลกเมื่อปี 2023 คือบังกลาเทศ โดยเมื่อปีที่แล้ว ประชาชนในกรุงธากา เมืองหลวงของบังกลาเทศ เจอกับวันที่มีอากาศคุณภาพดีเพียงแค่ 8 วันเท่านั้น ขณะที่ประเทศที่มีคุณภาพอากาศดีที่สุดในโลกคือออสเตรเลีย โดยพบว่า มีหลายเมืองของออสเตรเลียที่คุณภาพอากาศดีตลอด 365 วัน ส่วนประเทศไทย เมื่อปีที่แล้วมีวันที่คุณภาพอากาศดีอยู่ 31 วัน
อากาศที่เลวร้ายจะมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ปะปนอยู่ ซึ่งฝุ่นละอองพวกนี้ เมื่อสูดดมเข้าไปจะเข้าไปลึกถึงปอดและทำได้แม้แต่เข้าไปยังกระแสเลือด โดยพวกมันยังมีความเชื่อมโยงกับโรคที่เกี่ยวกับหัวใจและปอด ความดันโลหิต อีกทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงโรคหืด ซึมเศร้าและวิตกกังวล รวมถึงการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ประกอบไปด้วยออสเตรเลีย เอสโตเนีย ฟินแลนด์ เกรเนดา ไอซ์แลนด์ มอริเชียส และนิวซีแลนด์ โดยออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีคุณภาพอากาศที่ดีสุดในโลก และมี 6 จากทั้งหมด 9 เมืองใหญ่ทั่วประเทศ มี “วันที่มีอากาศดี” ตลอด 365 วัน
แต่ผลการศึกษาของ HouseFresh เมื่อปี 2023 ชี้ว่า เมืองที่มี “วันที่มีอากาศดี” มากที่สุดก็คือ ซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ อันดับสองคือ เมืองเพิร์ทของออสเตรเลีย อันดับสาม คือกรุงเรย์ยาวิกของไอซ์แลนด์ อันดับสี่และอันดับห้าคือ เมืองวูลลองกอง และนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ตามลำดับ ส่วนอันดับ 6 เป็นของเมืองโฮโนลูลู รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐฯ อันดับ 7 เมืองนิวคาสเซิล อังกฤษ อันดับ 8 และ 9 เป็นของเมืองแอดิเลด และกรุงแคนเบอร์ราของออสเตรเลีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง