SHORT CUT
ทุกครั้งหลังฝนตก มักจะมีไอดิน กลิ่นฝนลอยมาเตะจมูกอยู่ทุกครั้ง สปริงชวนดูวิทยาศาสตร์เบื้องหลังของ "กลิ่นฝน" มีที่มาอย่างไร ทำไมฝนตกแล้วถึงเกิดอารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ พร้อมกับพาไปดูเกร็ดประวัติศาสตร์ ที่มีฝนเป็นส่วนหนึ่งเพื่ออรรถรสในการอ่าน
สำหรับบางคน “ฤดูฝน” อาจเป็นช่วงเวลาที่ไม่อยากมาถึงมากที่สุด เพราะเลิกงานทีไร เป็นอันต้องถกขากางเกงทุกครั้ง มันชวนหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยเลยใช่ไหม
แต่เมื่อฝนหยุดร่วงหล่นลงแล้ว สิ่งที่ตามมาคือ “ไอดิน กลิ่นฝน” ที่รัญจวนเตะจมูกของเราตั้งแต่วัยที่ยังเล่นกลางดิน สนุกกลางโคลนกันอยู่ สปริงชวนหาคำตอบถึงที่มาของกลิ่นนั้น ที่ไม่เพียงบรรจุสสาร ตั้งบรรจุความทรงจำของเราเอาไว้ด้วย
กลิ่นหอมรัญจวนของดินในภาษาอังกฤษเรียกว่า เพตริเคอร์ (Petrichor) ประกอบขึ้นจาก 2 คำ ได้แก่ “petros” แปลว่า ก้อนหิน และ “ichor” แปลว่า ของเหลวของทวยเทพ (ฝน) รากคำศัพท์สามารถอธิบายแนวคิดของคนในยุคโบราณ ที่มีความเชื่อยึดโยงกับเทพ ในหลากหลายตำนานก็พูดถึงที่มาของฝนแตกต่างกันออกไป
แต่อย่างไรก็ดี คำตอบทางวิทยาศาสตร์ของ “กลิ่นฝน” ถูกอธิบายไว้โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ที่ศึกษาว่าทำไมถึงมีกลิ่นอะไรบางอย่างหลังฝนตก แท้จริงแล้ว กลิ่นดินไม่ใช่แค่โมเลกุลของดินผสมรวมกันน้ำฝน แต่เป็นกลิ่นของ “จีออสมิน” (Geosmin) สารหอมระเหยที่สร้างขึ้นโดย สเตรปโคไมคีส (Streptomyces)
งานวิจัยบอกว่ามนุษย์มีความไวต่อกลิ่นนี้เป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะว่าเชื้อสเตรปโคไมคีสมีอยู่มากมายในผืนดิน (ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ) เมื่อฝนตกลงมา แบคทีเรียที่อยู่ในเชื้อตัวนี้ก็หลุดลอยส่งกลิ่นรัญจวนมาเตะจมูกของเรานั่นเอง
นอกจากกลิ่นดินแล้ว พืชพรรณที่เราปลูกไว้รอบ ๆ บ้านก็มีส่งกลิ่นรัญจวนเตะจมูกของเราเช่นกัน ยิ่งยามที่ฝนหยุดหมาด ๆ ล่ะก็ รู้สึกสดชื่นสุด ๆ ไปเลย
แถมวิทยาศาสตร์ของสีเขียวก็บอกว่า มนุษย์เมื่อได้จ้องมองสีเขียวของพรรณไม้ทำให้อารมณ์ดีขึ้น สดชื่น กระปี้กระเป่า และรู้สึกเชื่อมโยงกับธรรมชาติ กล่าวคือประสาทสัมผัสของมนุษย์กับธรรมชาติเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น แม้ปัจจุบันมนุษย์จะถูกชี้นำด้วยเทคโนโลยีแล้วก็ตาม
เพลง “อยากเจอ” ของ Blue Shade มีเนื้อร้องว่า “เขาว่าฝนมันทำให้คนเหงา หรือเพราะฟ้าที่มองช่างว่างเปล่า ความอ้างว้างมันเกิดจากลมหนาว หรือดาวที่มองดูอ่อนแรง” จริง ๆ แล้ว มีอีกหลายเพลงที่หยิบฝนมาเป็นของกลางในการบอกความรู้สึก
ผู้ใช้รายหนึ่งเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Conversation ทุกครั้งที่ฝนตกมันทำงานกับความรู้สึกมากกว่าปกติ เมื่อคุณเติบโต และผ่านวัยเยาว์ไปแล้ว ชีวิตเรา ณ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เราผ่านการร้องไห้ หัวเราะ ผิดหวัง สำเร็จ หรือถูกทรยศ
เมื่อหวนคิดถึงความรู้สึกใส ๆ อันหอมหวานในวัยเด็ก หรือที่เรียกว่า Naïve ก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา สิ่งนี้จะทรงพลังยิ่งขึ้นเมื่อฝนตก แต่ต้องบอกว่าของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับประสบการณ์และเรื่องราวของแต่ละคน
เพราะสำหรับคนบางกลุ่มที่ต้องทำงานรับใช้นายจ้างมาทั้งวัน หวังจะกลับบ้านไปนอนสบายบนเตียงนุ่มนิ่ม ก็อาจกลายเป็นปีศาจร้ายขึ้นมาได้เพราะแค่ “ฝนตก” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฝนตกแล้วน้ำระบายไม่ทัน มันคงชวนหงุดหงิดมากกว่า จริงไหม...
ตามคติของศาสนาฮินดู พระพิรุณ หรือ พระวิรุณ เป็นเทพแห่งน้ำและฝน เป็นเทวดาผู้รักษาโลก ประจำทิศประจิม (ทิศตะวันตก) หากนำพระพิรุณไปเชื่อมของโลกตะวันตก อาจเทียบได้กับ "โพไซดอน" (เทพปกรณัมกรีก) และ "เนปจูน" (เทพปกรณัมโรมัน)
ยุทธการที่วอเตอร์ลู (Water loo) สงครามสุดท้ายของจักรพรรดิชื่อ “นโปเลียน” ก็มีเรื่องราวเชื่อมโยงกับฝนเช่นเดียวกัน ประวัติศาสตร์ระบุไว้ว่าช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ของวันที่ 17 มิถุนายน 1815 เกิดพายุฝนฟ้าคะนองอย่างหนักที่หมู่บ้านลิญญี (Ligny) ประเทศเบลเยียม ขณะที่นโปเลียนกำลังกรีทาทัพไปโจมตีอังกฤษและเนเธอร์แลนด์ (Anglo-Dutch)
ผลกระทบของฝนทำให้พื้นดินบริเวณนั้นเฉอะแฉะ ทหารราบ ทหารม้า และทัพปืนใหญ่ของกองทัพฝรั่งเศสไม่สามารถเคลื่อนพลผ่านทุ่งนาได้ นโปเลียนออกคำสั่งหยุดเคลื่อนพลชั่วคราว และรอให้สภาพดินแห้งกว่านี้เล็กน้อย กองกำลังของอังกฤษ - เนเธอร์แลนด์จึงกุมความได้เปรียบ
ในปี 1588 มีมหาศึกการห้ำหั่นกองเรือของ 2 ขั้วอำนาจแห่งท้องทะเล ได้แก่ อังกฤษ ที่ปกครองโดย ราชินีเอลิซาเบทที่ 1 ซึ่งเป็นชาวโปรเตสแตนต์ กับฟิลิปที่ 2 แห่งสเปน ซึ่งเป็นชาวโรมันคาทอลิก
เหตุผล-แรงจูงใจของกษัตริย์ฟิลลิปที่ 2 ในการโจมจีกองเรือของอังกฤษคือต้องการช่วยชาวคาทอลิกในอังกฤษ เพราะราชินีเอลิซาเบทที่ 1 เปลี่ยนประเทศให้เป็นนิกายโปรเตสแตนท์ และตัดขาดกับวาติกัน
ทัพเรือแห่งสเปนประกอบไปด้วย เรือ 130 ลำ ทหาร 20,000 นาย และลูกเรืออีก 8,000 คน ได้เดินทางออกจากกรุงลิสบอนในวันที่ 29 พ.ค. 1588
การรบในครั้งนี้จบลงด้วยฝ่ายสเปนเป็นผู้ปราชัย แม้กองกำลังจะใหญ่กว่าทางฝั่งของอังกฤษ แต่พายุฝนฟ้าคะนองจะไม่เป็นใจ พัดพาเรือของสเปนเสียหาย ทหารล้มตาย สเบียงอาหารเสียหายจนหมด
อย่างไรก็ดี กองเรืออาร์มาดาก็สามารถกลับถึงสเปนได้ ในสภาพที่น่าอดสู เพราะเหลือทหารและลูกเรือเพียงครึ่งเดียวจากขาไปเท่านั้น กล่าวคือพายุฝนเพียงลูกเดียวทำให้คาทอลิกไม่สามารถมีชัยเหนือโปรเตสแตนท์ได้ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ราชินีเอลิซาเบทที่ 1 แห่งอังกฤษ ทรงตรัสวลีอันลือลั่นก้องโลกมาจนถึงปัจจุบัน
“God blew and they were scattered”
ที่มา: WOL, KU, History, AMS, Reader's digest
ข่าวที่เกี่ยวข้อง