svasdssvasds

พื้นที่ปลูก "อะโวคาโด" ทั่วโลกจะลดลงถึง 41% จากปัญหาภัยแล้ง น้ำน้อย

พื้นที่ปลูก "อะโวคาโด" ทั่วโลกจะลดลงถึง 41% จากปัญหาภัยแล้ง น้ำน้อย

พื้นที่ปลูกอะโวคาโด ที่มีมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกใบนี้กำลังลดลง และอาจจะลงถึง 41% ภายในปี 2050 เพราะพื้นที่เพาะปลูกเหล่านั้นแห้งแล้งเกินไป

สภาพอากาศกับพืชผักเป็นของคู่กัน เพราะการเพาะปลูกต้องพึ่งพาความอุดมสมบูรณ์ของดินฟ้าอากาศ แต่ในปัจจุบันที่โลกของเรากำลังประสบปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พืชผักก็เริ่มได้ผลกระทบ ล่าสุดถึงคิวของอะโวคาโด ซึ่งคาดว่าอีกไม่ช้า ราคาจะเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น

ราคา "อะโวคาโด" จ่อปรับตัวขึ้น จากปัญหาผลผลิตลดลง

รายงานฉบับใหม่ชี้ว่า ในอีกไม่นาน เราอาจจะได้เห็นราคาของอะโวคาโด ผลไม้ซุปเปอร์ฟรุตสุดมากประโยชน์ ปรับตัวขึ้น อันเนื่องมาจากปัญหาผลผลิตลดลงเพราะอะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ต้องการน้ำในการเติบโต แต่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทำให้เกิดปัญหาโลกร้อนขึ้น แห้งขึ้น และแล้งขึ้นตามมา 

บรรดานักวิจัยมองว่า พื้นที่ปลูกอะโวคาโดมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกใบนี้กำลังลดลง และอาจจะลงถึง 41 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2050 เพราะพื้นที่เพาะปลูกเหล่านั้นแห้งแล้งเกินไป โดยรายงานล่าสุดที่มีชื่อเรื่องว่า 'Getting Smashed: The climate danger facing avocados' ของหน่วยงานการกุศล Christian Aid เป็นรายงานล่าสุดที่พูดถึงปัญหาอะโวคาโด 

อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และมีไขมันดีที่เป็นประโยชน์ วิตามิน รวมถึงเกลือแร่ กล่าวก็คือ ดีต่อสุขภาพของมนุษย์ นอกจากนี้ อะโวคาโดยังได้รับการยืนยันด้วยงานวิจัยว่าช่วยเหลือการต่อต้านโรคต่างๆ รวมถึงมะเร็งด้วย 

ผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

อย่างไรก็ตาม อะโวคาโดก็เหมือนพืชชนิดอื่นๆ เช่น กาแฟ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทั้งนี้ทั้งนั้น พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการปลูกอะโวคาโดจะลดลงตั้งแต่ 14 เปอร์เซ็นต์ ไปจนถึง 41 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2050 โดยขึ้นอยู่กับอนาคตว่าอุณหภูมิโลกของเราจะเปลี่ยนแปลงขนาดไหน 

ยกตัวอย่าง รัฐมิโชอากัน พื้นที่ปลูกอะโวคาโดที่สำคัญของเม็กซิโก กำลังเผชิญกับปัญหาพื้นที่เพาะปลูกอะโวคาโดจะลดลงถึง 59 เปอร์เซ็นต์ ภายในปี 2050 แม้ว่าทั่วโลกจะสามารถช่วยกันควบคุมไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกิน 2 องศาเซลเซียสก็ตาม ส่วนสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น นอกเหนือจากปัญหาการขาดแคลนน้ำแล้ว พื้นที่เพาะปลูกส่วนใหญ่ในเม็กซิโกยังนิยมปลูกผลไม้ตามความต้องการของตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและเป็นตลาดใหญ่ 

ขณะที่ทุกวันนี้ เม็กซิโกถือเป็นตลาดส่งออกอะโวคาโดรายใหญ่ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 44.5 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นมูลค่ามากถึง 3,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นำหน้าเปรู สเปน ชิลี และโคลอมเบีย  อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ เกษตรกรผู้ปลูกอโวคาโดในเปรู และชิลี ก็เจอปัญหาขาดแคลนน้ำเช่นกัน ดังนั้นประเทศผู้นำเข้าอะโวคาโดจากประเทศเหล่านี้ อาจจะต้องเตรียมตัวรับมือกับราคาที่แพงขึ้น

ที่มา : Dailymail

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related