เรือขนส่งสินค้ากำลังปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่ม เพราะความไม่สงบในทะเลแดง
สงครามในอิสราเอล ซึ่งเกิดจากกองทัพอิสราเอลทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในกาซา แผ่ขยายออกไปจนถึงทะเลแดง หลังกลุ่มกบฏฮูธี พันธมิตรของฮามาส ออกมาตอบโต้อิสราเอลและชาติพันธมิตรอื่นๆของอิสราเอล
จนทำให้เรือขนส่งสินค้าได้รับความเสียหาย และบริษัทเดินเรือตัดสินใจระงับการเดินเรือผ่านทะเลแดง แต่การที่เรือขนส่งสินค้าต้องไปใช้เส้นทางอื่น เรือเหล่านั้นก็ปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมาทำลายชั้นบรรยากาศโลกมากขึ้น
เรือบรรทุกสินค้าที่จำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางจากทะเลแดง กำลังปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากผู้เดินเรือจำเป็นต้องเพิ่มความเร็ว เพื่อชดเชยเส้นทางที่ต้องอ้อมไปจากเดิม โดยบริษัทเดินเรือสินค้าระดับโลก อย่าง AP Møller-Maersk และ Hapag-Lloyd สัญชาติเดนมาร์ก คือสองบริษัทที่จำเป็นต้องเพิ่มความเร็วในการเดินเรือให้มากขึ้น จากเดิมที่ตามปกติพวกเขาเคยใช้เส้นทางผ่านคลองสุเอซ แต่เนื่องด้วยความไม่สงบในทะเลแดง ทำให้ต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮป ซึ่งเพิ่มระยะเวลาในการเดินทางอีก 10-14 วันเลยทีเดียว
นักวิเคราะห์ด้านการขนส่งทางเรือของบริษัท Sea Intelligence มองว่า ลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งทางเรือกำลังตกอยู่ในสถานการที่ลำบากที่เลือกไม่ได้ เนื่องจากการตัดสินใจของบริษัทที่จะเพิ่มความเร็วเรือ โดยบริษัทเดินเรือออกแถลงการณ์เอาไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าหากว่าลูกค้าต้องการให้สินค้าไปถึงปลายทาง พวกเขาก็จำเป็นต้องยอมรับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น
ผู้จัดการด้านงานวิจัยตู้คอนเทนเนอร์ของบริษัทที่ปรึกษาด้านการขนส่งทางเรือดรูรี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในกรุงลอนดอน เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา เรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จะเดินเรือด้วยความเร็ว 14 นอต หรือเทียบเท่าการเดินทางบนบกที่ราว 16 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือคิดเป็น 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในเมื่อเรือขนส่งสินค้าต้องใช้เส้นทางใหม่ ทำให้ต้องเพิ่มความเร็วเป็น 15 หรือ 16 นอต
Sea Intelligence ประเมินว่า สำหรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์สมัยใหม่ เมื่อเพิ่มความเร็วทุกๆ 1 เปอร์เซ็นต์ จะกินเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น 2.2 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการเพิ่มความเร็วจาก 14 เป็น 16 จะทำให้กินเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์ต่อหนึ่งไมล์ เมื่อคำนวณจากระยะทางที่ไกลขึ้น ทำให้การเดินทางหนึ่งเที่ยวของเรือขนส่งสินค้าจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นกว่า 70 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้การโจมตีที่เกิดขึ้นในทะเลแดง ซึ่งเรือบรรทุกสินค้าเกือบ 1 ใน 3 ของโลกใบนี้ต้องใช้เส้นทางนี้ ส่งผลกระทบทำให้ราคาค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น โดยสินค้าจากไทยไปยังตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกาเหนือ ต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกชาวไทยกำลังเผชิญกับภาระค่าขนส่งสินค้าทางเรือที่เพิ่มขึ้น ราว 3,000 -5,000 ดอลลลาร์สหรัฐฯต่อตู้คอนเทนเนอร์ 1 ตู้ หรือเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากเดือนพฤศจิกายน ก่อนเกิดความไม่สงบในทะเลแดง
ที่มา : FT / Nation Thailand / Reuters
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
