บริษัทจากประเทศเกาหลีใต้ไอเดียบรรเจิด! นำพืชจากธรรมชาติอย่าง 'มอส' มาสร้างเป็นเครื่องฟอกอากาศ ช่วยเปลี่ยนอากาศในบริเวณห้องให้มีความสดชื่น และผ่อนคลายสำหรับผู้ใช้งาน
อากาศภายในห้องของคุณเป็นอย่างไร? สดชื่นหรือไม่ ล่าสุดบริษัทจากแดนกิมจิได้ผลิตเครื่องฟอกอากาศจากธรรมชาติที่ชื่อว่า Moss Air
Moss Air คือเครื่องฟอกอากาศที่เป็นการผสมผสานระหว่างพืชในธรรมชาติอย่าง มอส ผนวกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังให้ความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติอีกด้วย
โดยในตัวขวดมีดีไซน์ที่เรียบหรู มีความกว้าง 4.4 นิ้ว สูง 9.8 นิ้ว หนา 2.95 นิ้ว มีน้ำหนักประมาณ 550 กรัม ภายในของขวดบรรจุแผงมอสเอาไว้ โดยมีจุดประสงค์ไว้สำหรับช่วยฟอกอากาศภายในบริเวณห้องของผู้ใช้งานให้มีความสดชื่นมากยิ่งขึ้น
มอสคือพืชที่มีความเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตของมนุษย์และสัตว์มาตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถพบได้ทั่วไปในป่าทั่วโลก โดยปัจจุบันนี้ สายพันธุ์ของมอสที่มีการจำแนกเอาไว้มีมากถึง 12,000 สายพันธุ์
มอสได้ชื่อว่าเป็นพืชที่มีคุณสมบัติในการดักจับก๊าซคาร์บอนฯ ในอากาศ และเปลี่ยนให้กลายเป็นออกซิเจน ผลที่ตามมาก็คือ อากาศในบริเวณที่มีมอสอยู่ก็จะเย็นลง หรือสดชื่นขึ้นนั่นเอง
คงไม่เกินจริงนัก หากเราจะเรียกว่ามอสคือเครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ที่สุดในธรรมชาติ เพราะจำนวนของมอสเพียงไม่กี่ตารางเมตรก็สามารถช่วยกำจัดก๊าซคาร์บอนฯ ในอากาศได้มากกว่าต้นไม้ใหญ่บางต้นเสียอีก
หากต้องการกำจัดก๊าซคาร์บอนฯ ในอากาศ 1 ตันต่อปี เราต้องใช้
จะเห็นได้ว่า มอสใช้พื้นที่น้อยมาก ๆ ในการกำจัดก๊าซคาร์บอนฯ หากเทียบกับต้นไม้ใหญ่ชนิดอื่น ๆ
และเนื่องจากมอสเป็นพืชไร้ราก ทำให้เราไม่จำเป็นต้องคอยหมั่นดูแลมอสอะไรมากนัก เพียงแค่ต้องคอยรดน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อที่มอสจะได้เขียวชอุ่มและมีสุขภาพที่ดีอยู่ตลอด
บริเวณด้านบนของขวด จะมีลูกบอลแม่เหล็กก้อนเล็ก ๆ ติดตั้งอยู่ โดยลูกบอลแม่เหล็กจะมีหน้าที่ในการเปิด-ปิดรูของเครื่องสร้างความชื้นบริเวณด้านในของขวด
เมื่อมีคำสั่งให้เริ่มทำงาน ขวดจะปล่อยหมอกลอยมาตามผนังมอสด้านใน จากนั้นมอสก็จะทำหน้าที่ของมันก็คือ การฟอกอากาศบริเวณนั้นให้บริสุทธิ์ และดูดซับมลพิษในอากาศ
หลายคนอาจสงสัยว่า ลูกบอลแม่เหล็กไซส์จิ๋วเท่านี้ มันจะไม่หลุดออกจากขวดได้ง่าย ๆ งั้นหรือ ทาง Moss Air แจ้งว่า ลูกบอลแม่เหล็กนี้มีแรงดึงดูดที่สูงมาก ๆ และมีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องยากมากที่ลูกบอลแม่เหล็กจะกระเด็นหลุดออกจากรูเปิด-ปิดได้
แต่ถึงกระนั้น ด้วยลูกบอลแม่เหล็กที่มีขนาดเล็กก็ถือว่ายังง่ายต่อการสูญหาย หรือเราอาจจะทำหลุดมือ และลูกบอลแม่เหล็กอาจกลิ้งหายไปใต้โซฟาได้
ฉะนั้นทาง Moss Air ก็ได้แจ้งว่าหากใครคิดว่าลูกบอลแม่เหล็กที่ให้ไป 1 ลูกนั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งาน สามารถระบุในการสั่งซื้อได้ ว่าต้องการลูกบอลแม่เหล็กเพิ่ม
ในส่วนของแบตเตอรี่ Moss Air สามารถเปิดใช้งานได้ถึง 8 ชั่วโมง ฉะนั้น ไม่ต้องกังวลว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างการใช้งาน เราสามารถเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ใดก็ได้ของบ้าน เพียงแต่ต้องเป็นพื้นที่ปิด หรือพื้นที่ที่ไม่กว้างจนเกินไปเท่านั้น
หากเราพิจารณาจากภายนอก เครื่อง Moss Air มีรูปทรงการดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย และเหมาะสำหรับการตกแต่งห้องเป็นอย่างมาก เพราะนอกเหนือจากคุณสมบัติที่ Moss Air ทำได้แล้ว สีเขียวของมอสยังสามารถสร้างอารมณ์สุนทรีย์ให้กับผู้ใช้งาน และสร้างมวลบรรยากาศที่บริสุทธิ์ได้
อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Moss Air ก็คือสามารถใช้คุณสมบัติตามธรรมชาติของมอสในการช่วยกรองอากาศให้กับห้องของผู้ใช้งานได้ ช่วยขจัดสิ่งสกปรกที่อาจสร้างมลพิษ และผลิตสร้างออกซิเจน สร้างบรรยากาศบริเวณรอบ ๆ ให้สดชื่น ทำให้ผู้ใช้งานมีอากาศที่สะอาดใช้หายใจ
อย่างที่กล่าวไป เราสามารถสลับโหมดการใช้งานของ Moss Air ได้ด้วยการย้ายลูกบอลแม่เหล็กบริเวณด้านบนขวดสลับไปมา ซึ่ง Moss Air มี 2 โหมดให้ได้เลือกใช้คือ
หมวดนี้เปรียบได้เหมือนเรามีคนคอยรดน้ำในสวนให้ เมื่อผู้ใช้งานปรับเครื่อง Moss Air เป็นโหมดนี้ Moss Air ก็จะผลิตหมอกจากน้ำที่อยู่ในแท้งค์ และปล่อยหมอกอัลตราโซนิกออกมาให้กับแผงมอสในเครื่อง แต่สิ่งที่ต้องพึงระวังก็คือ ควรเช็กน้ำในแท้งค์บ่อย ๆ ว่าหมดหรือไม่ หรืออาจจะมีสิ่งสกปรกเจือปนอยู่
เมื่อหมอกถูกปล่อยออกมาสู่อากาศภายนอก สภาพแวดล้อมภายในบริเวณห้องก็จะสดชื่นขึ้นด้วยความชื้นจากมอส มิเพียงให้ความชุ่มชื้นเท่านั้น แต่ในแง่ของความรู้สึกของผู้ใช้งาน หมอกจาง ๆ พร้อมกับแสงไฟสลัว ๆ ก็สามารถประกอบสร้างให้ผู้ใช้งานได้รู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่ต้องการสร้างอากาศสะอาดด้วยพืชจากธรรมชาติอย่างมอส Moss Air ถือเป็นเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบถ้วน มีดีไซน์ที่สวยงาม และกลมกลืนกับห้องของเราได้เป็นอย่างดี
ที่มา: Kickstarter
เนื้อหาที่น่าสนใจ