กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รายงานการพบเต่าทะเลลอยเกยตื้นในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ผลชันสูตรเผยขยะพลาสติกเต็มท้อง
เต่าทะเลเหยื่อขยะพลาสติกรายใหม่ โผล่อีกแล้วที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง หลังเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก (ศวทอ.) ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด เรื่องพบซากเต่าทะเลลอยตายในบริเวณอุทยานแห่งชาติฯ ในเขต ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง
โดยจากการตรวจสอบชันสูตรซากพบว่า เป็นเต่าตนุ ขนาดแนบกระดอง กว้าง 45 เซนติเมตร ยาว 50 เซนติเมตร น้ำหนัก 10 กิโลกรัม อยู่ในช่วงอายุวัยรุ่น (3-5 ปี) ไม่ทราบเพศ พบหมายเลขไมโครชิพ 933.076400568596 ระบุตัวเป็นเต่าทะเลในโครงการอนุรักษ์เต่าทะเล เกาะมันใน จ.ระยอง
จากการชันสูตร เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า สภาพซากเต่าเน่าแล้ว พบเบ็ดตกปลาเก่าติดฝังอยู่ที่ลิ้นของเต่าทะเล ตลอดทางเดินอาหารพบขยะทะเลจำนวนมาก โดยเฉพาะในลำไส้ใหญ่ส่วนต้น ชนิดขยะที่พบเช่น ถุงพลาสติก ห่อบรรจุภัณฑ์ เศษเอ็นตกปลา เศษอวน ยางวง เป็นต้น ขยะทะเลส่งผลให้เกิดการอักเสบของลำไส้ใหญ่ ติดเชื้อและเสียชีวิตในที่สุด
จากสถิติรายงานเต่าทะเลที่ตายเพราะขยะพลาสติกโดยศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล พบว่า ในแต่ละปีจะมีเต่าทะเลที่ตายเพราะขยะทะเลถึงปีละมากกว่า 20 ตัว โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีรายงานพบเต่าทะเลที่ตายเพราะขยะทะเลเฉียด 100 ตัวแล้ว
ขยะพลาสติกในทะเลถือเป็นอีกปัญหาสำคัญหนึ่งที่กำลังคุกคามชีวิตของสัตว์ทะเลหายากในไทย จากรายงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยว่า มีขยะตกค้างชายฝั่งทะเลกว่า 444 ตัน ส่วนใหญ่ยังเป็นขยะพลาสติก โดยแหล่งกำเนิดหลักของขยะทะเลมีแหล่งกำเนิดจากแม่น้ำสายสำคัญบริเวณอ่าวไทยตอนบนและอ่าวไทยตอนล่าง
โดยจากข้อมูลรายงานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ระบุว่า พบขยะลอยน้ำที่ไหลออกจากแม่น้ำบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีปริมาณ 84,524,933 ชิ้น/ปี (น้ำหนัก 738 ตัน/ปี) มีขยะที่ไหลผ่านทางแม่น้ำเจ้าพระยามากที่สุด จำนวนเฉลี่ย 52,649,113 ชิ้น/ปี (น้ำหนัก 317 ตัน/ปี) และมีปริมาณสูงขึ้นจาก 168 ตัน ในปี 2563 เป็น 317 ตัน ในปี 2564
สำหรับองค์ประกอบของขยะทะเลที่พบ 10 อันดับแรกของทะเลไทย ได้แก่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
น้ำมันรั่วศรีราชาอาจทำทะเลเป็นพิษ อาหารทะเลเสี่ยงปนเปื้อน อาจส่งผลสุขภาพ
ถามตรงๆ กับอธิบดีคพ. ความคืบหน้าแผนจัดการขยะพลาสติกไทยถึงไหนแล้ว
ที่มาข้อมูล: กรุงเทพธุรกิจ