จากกรณีที่ญี่ปุ่นปล่อยน้ำเสียปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการรับรองความปลอดภัยสอดคล้องมาตรฐานโลก ไทยมีการสุ่มตรวจอาหารทะเลนำเข้าจากญี่ปุ่น หาสารปนเปื้อนเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
สืบเนื่องจาก กรณีที่ประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มปล่อยน้ำเสียที่ปนเปื้อนนิวเคลียร์ที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ ตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา แม้ได้รับการรับรองจากทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ว่า การปล่อยน้ำเสียดังกล่าวจะปลอดภัยและสอดคล้องกับมาตรฐานโลก แต่แผนดังกล่าวของญี่ปุ่นต้องเผชิญกับการต่อต้านจากทั้งในและต่างประเทศเกี่ยวกับความปลอดภัยของอาหารทะเลและสุขภาพของผู้บริโภค
สภาผู้บริโภค เร่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมประมง เร่งชี้แจงมาตรการและแนวทางการป้องกันและตรวจสอบสารปนเปื้อนในอาหารทะเลนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น หลังมีข่าวญี่ปุ่นจะปล่อยน้ำเสียที่ปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีที่บำบัดแล้วลงทะเลในวันนี้ หวั่นผู้บริโภครับประทานอาหารทะเลปนเปื้อนสารอันตรายอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ
เนื้อหาที่น่าสนใจ :
น้ำเสียปนเปื้อนนิวเคลียร์รั่วไหลในญี่ปุ่น หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อมระยะยาว
นักวิชาการห่วงกัมมันตรังสีตกค้างในปลา เหตุญี่ปุ่นปล่อยน้ำปนเปื้อนลงทะเล
เริ่มแล้ว ! ญี่ปุ่นปล่อยน้ำเสียที่บำบัด ชุดแรกสู่มหาสมุทรมากกว่าล้านตัน
ภก.ภาณุโชติ ทองยัง ประธานอนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาผู้บริโภค เรียกร้องให้ อย. และกรมประมง เร่งออกชี้แจงถึงมาตรการป้องกันและตรวจสอบ พร้อมทั้งแนวทางการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งต้องสุ่มตรวจอาหารทะเลที่หน้าด่านและในท้องตลาดที่นำเข้าจากน่านน้ำต่างประเทศหลังการปล่อยน้ำเสียเพื่อนำมาตรวจวัดกัมมันตภาพรังสี
พร้อมทั้งขอให้แจ้งประชาสัมพันธ์การดำเนินการให้ผู้บริโภคทราบด้วย เพื่อเป็นการจัดการป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และคลายความกังวลของผู้บริโภคกรณีอาหารที่มีการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสี ที่แม้ไม่เกิดอาการทันทีแต่อาจจะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้
ทั้งนี้จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ได้ออกมาตรการงดการนำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่น ผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำจากประเทศญี่ปุ่น โดยงดผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ ทั้งมีชีวิต แช่แข็ง แช่เย็น อบแห้ง รวมถึงเกลือทะเล และสาหร่ายทะเล แต่จนถึงขณะนี้ประเทศไทย ยังไม่มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรทั้งที่เป็นประเทศนำเข้าสินค้าประมงจากญี่ปุ่นอันดับต้นๆ