กองทัพเรือเผย จากการบินเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบบริเวณนอกชายฝั่งภูเก็ต ไม่พบคราบน้ำมันเพิ่มเติม คาดลอยเข้าฝั่งหมดแล้ว พร้อมระบุจะเพิ่มการตรวจตราน่านน้ำ ป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ
จากเหตุคราบน้ำมันและก้อนน้ำมันสีดำจำนวนมากลอยขึ้นมาเกยฝั่ง ตามชายหาดใน จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต ในช่วงสองวันที่ผ่านมา (3-4 สิงหาคม 2566) พลเรือเอกปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ศปก.ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งจากสื่อมวลชนในพื้นที่ จว.ภูเก็ต ว่ามีคราบน้ำมันสีดำจำนวนมาก ขึ้นอยู่บริเวณชายหาดในยาง ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต คาดว่าเป็น คราบน้ำมันที่พัดมาจากทะเล ขึ้นมาบนฝั่ง ซึ่งอาจจะมาจากเรือที่แอบลักลอบปล่อยน้ำมันเสียทิ้งลงในทะเล
โดยในวันนี้ (5 สิงหาคม) กองทัพเรือภาคสามได้จัดเฮลิคอปเตอร์ ฮ.ลล.4 (S -76B) บินตรวจสอบคราบน้ำมันสีดำบริเวณชายหาดในยาง ขึ้นจากสนามบินภูเก็ต ในเวลา 10.15 น. ซึ่งจากการบินตรวจสอบ ไม่พบคราบน้ำมันในทะเลเพิ่มเติม และคาดว่าคราบน้ำมันที่เหลือได้ลอยขึ้นฝั่งหมดแล้ว ตรงกับรายงานที่พบว่า คราบน้ำมันและก้อนน้ำมันสีดำได้ลอยขึ้นฝั่งเป็นจำนวนมากตลอดแนวชายฝั่งของ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ดังนั้น ภารกิจของกองทัพเรือในวันนี้จึงเป็นการจัดเก็บคราบน้ำมันและทำความสะอาดชายหาดที่ได้รับผลกระทบ โดย พลเรือเอกปกครอง ระบุว่า ทางกองทัพเรือภาคสามได้จัดกำลังพล 30 นาย สนับสนุนการเก็บคราบน้ำมันที่หาดในยาง ในวันนี้ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 - 3 วัน
นอกจากนี้ โฆษกกองทัพเรือยังได้กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ยังได้เก็บตัวอย่างคราบน้ำมันส่งไปยัง กรมควบคุมมลพิษ เพื่อตรวจสอบองค์ประกอบและแหล่งที่มาของคราบน้ำมัน ว่ามาจากแหล่งใด และเป็นคราบน้ำมันที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมกันนี้ได้ประสาน ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือ จ.ภูเก็ต เพื่อรับทราบข้อมูล ตรวจสอบที่มาของคราบน้ำมันดังกล่าว ตรวจสอบท่าเรือบริเวณใกล้เคียง ว่ามีการลักลอบทิ้งน้ำมันลงทะเลหรือการกระทำผิด ซึ่งอาจนำไปสู่สาเหตุของการเกิดคราบน้ำมันดังกล่าวหรือไม่ พลเรือเอกปกครอง กล่าว
“ทางกองทัพเรือได้เพื่มกำลังตรวจตราน่านน้ำเพิ่มขึ้นแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่อเหตุลักลอบปล่อยน้ำมันลงทะเลซ้ำ แต่ก็ยอมรับว่านอกจากจะพบการกระทำผิดซึ่งหน้า เป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะหาตัวผู้กระทำผิด เพราะน่านน้ำบริเวณนี้เป็นร่องการเดินเรือที่มีการจราจรทางน้ำหนาแน่น” พลเรือเอกปกครอง กล่าว
อนึ่ง นายสุเทพ เจือละออง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน เปิดเผยว่า เหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งนี้ ได้รับรายงานว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง นับตั้งแต่ชายหาดคึกคัก ใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา และเรื่อยมาจนถึง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และกระทบเล็กน้อยยาวไปถึง จ.กระบี่ และ จ.สตูล
นายสุเทพ กล่าวว่า นอกจากกรณีลูกเต่าทะเลที่พบว่าเปรอะเปื้อนคราบน้ำมันทั้งตัว ลอยมาติดหาดบริเวณหน้าโรงแรมลากูน่าบีช อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา ไม่พบสัตว์ทะเลได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมันเพิ่มเติม พร้อมได้กล่าวว่า สำหรับลูกเต่าตัวดังกล่าว จากการตรวจสอบโดยสัตวแพทย์ของทางศูนย์ฯ แล้ว พบว่ายังมีสุขภาพแข็งแรงดี โดยจะยังต้องพักฟื้นอีก 2 – 3 วัน ก่อนจะปล่อยสู่ธรรมชาติต่อไป