svasdssvasds

ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายเทียบเท่าบุหรี่ เพชฌฆาตร้ายทําลายสุขภาพ

ฝุ่นพิษ PM 2.5 อันตรายเทียบเท่าบุหรี่ เพชฌฆาตร้ายทําลายสุขภาพ

มลพิษทางอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วทุกย่อมหญ้า โดยองค์การอนามัยโลกประมาณการว่า 9 ใน 10 คนทั่วโลกกำลังหายใจอากาศที่ไม่ดีเข้าสู่ร่างกาย และคาดการณ์ว่าจะมีผู้คนเสียชีวิตจากมลพิษดังกล่าวมากถึง 7 ล้านคนต่อปี

สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในช่วงต้นปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมากำลังเข้าขั้นวิกฤต หลายพื้นที่เกือบทั่วประเทศไทย ทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล เชียงใหม่ ลำพูน นครพนม ฯลฯ ประสบปัญหาฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทัศนวิสัยการมองเห็นและการขับรถแย่ลง ตึกสูงน้อยใหญ่ขมุกขมัวมากเมื่อมองจากระยะไกล หลายคนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก "ฝุ่นละอองขนาดเล็ก" นี้สร้างความกังวลให้ประชาชนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัวที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย ซึ่งนับเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่ใหญ่มาก ณ ขณะนี้ 

ฝุ่นพิษ PM 2.5 เพชฌฆาตร้ายทําลายสุขภาพ มลพิษทางอากาศเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของประชากรทั่วทุกย่อมหญ้า จนในปี พ.ศ.2561 องค์การอนามัยโลกประมาณการว่า 9 ใน 10 คนทั่วโลกกำลังหายใจนำอากาศที่ไม่ดีเข้าสู่ร่างกายอยู่และได้คาดการณ์ว่าจะมีผู้คนเสียชีวิตจากมลพิษดังกล่าวมากถึง 7 ล้านคนต่อปี จากข้อมูลดังกล่าวหลากหลายประเทศได้ตระหนักและมีความพยายามจัดการปัญหานี้ แต่ทว่าปัญหากลับไม่ลดลงและยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ 

ฝุ่นพิษ PM 2.5 เพชฌฆาตร้ายทําลายสุขภาพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

PM2.5 เกิดจากอะไร? 

ฝุ่น PM2.5 นี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มันมีอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเรามานานแล้ว โดยทั่วไปจะมีมากในช่วงเปลี่ยนถ่ายของฤดูกาล กล่าวคือ ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนลงมายังตอนบนของประเทศทำให้ลมมรสุมมีกำลังอ่อนลง เกิดภาวะลมสงบ ประกอบการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิทำให้ฝุ่นกระจุกตัว อากาศถ่ายเทไม่ดี มีการสะสมของฝุ่น หมอกและควันในบรรยากาศ จนเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างที่เราเห็นนั่นเอง นอกจากเหตุผลด้านสภาพภูมิอากาศ กิจกรรมของมนุษย์ทั้งกลางแจ้งและในร่มก็ส่งเสริมให้เกิดฝุ่น PM 2.5 ได้เช่นกัน 

ฝุ่นพิษ PM 2.5 เพชฌฆาตร้ายทําลายสุขภาพ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง อนุภาคฝุ่นพิษนี้มักมาจากการปล่อยควันเสียของรถยนต์ทั่วไป รถบรรทุก รถประจำทาง และรถยนต์ที่ขับบนพื้นขรุขระ (รถก่อสร้าง รถหัวจักร) และจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงอย่างไม้ถ่าน การเผาป่า การเผาเรือกสวนไร่นา การเผาหญ้า นอกจากนี้ยังมาจากปฏิกิริยาของแก๊สบนชั้นบรรยากาศจากโรงงานอุตสาหกรรม และโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ได้อีกด้วย  

สำหรับกิจกรรมในร่มหรือกิจกรรมในครัวเรือนนั้นก็ส่งผลให้เกิดฝุ่นพิษ PM2.5 ได้ เช่น การสูบบุหรี่ การประกอบอาหาร (ทอด ผัด ปิ้ง ย่าง) การจุดธูปเทียน ตะเกียง เตาผิง การใช้เครื่องถ่ายเอกสาร เป็นต้น 

ย้อนดูสถิติปี 2565 คนกรุงเทพฯ สูดฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าบุหรี่ 1,224.77 มวน

ถ้าค่าฝุ่น PM 2.5 ปริมาณ 22 มคก./ลบ.ม. = บุหรี่ 1 มวน ปี 2022 ที่ผ่านมา คนกรุงเทพฯ สูบบุหรี่ไปกี่มวน
จากงานของ Richard A. Muller นักวิจัยชาวอเมริกันจากสถาบันวิจัยสภาพอากาศ Berkeley Earth แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ ซึ่งคำนวณเปรียบเทียบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศหรือ PM2.5 กับปริมาณการสูบบุหรี่ พบว่า ค่าฝุ่น PM2.5 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เทียบได้กับการสูบบุหรี่ 1 มวน ซึ่งหากนำค่าฝุ่นแบบค่ามาตรฐานเฉลี่ย 24 ชั่วโมงในแต่ละวันของปี 2565 มาคำนวณเปรียบเทียบตามเกณฑ์ของ Richard Muller จะพบว่า

ในปี 2565 ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ สูดดมฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่ ทั้งหมดจำนวน 1,224.77 มวน เฉลี่ยวันละ 3.35 มวน ลดลง 37 มวนจากปี 2564 ที่มีจำนวน 1,261.05 มวน 

จากข้อมูลพบว่าในปี 2565 เดือนที่อากาศดีที่สุด ได้แก่เดือนกรกฎาคม แต่คนกรุงเทพฯ ก็ยังสูดดมฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าการสูบบุหรี่จำนวน 74.36 มวน เฉลี่ยวันละ 2.4 มวน เพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งเป็นเดือนที่อากาศดีที่สุดเช่นเดียวกัน ที่คิดเป็นจำนวน 64.86 มวน

ฝุ่น PM 2.5 ปริมาณ 22 มคก./ลบ.ม. = บุหรี่ 1 มวน ย้อนดูสถิติปี 2565 คนกรุงเทพฯ สูดฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าบุหรี่ 1,224.77 มวน

เดือน ม.ค. จำนวน 129.68 มวน

เดือน ก.พ. จำนวน 116.27 มวน

เดือน มี.ค. จำนวน 107.95 มวน

เดือน เม.ย. จำนวน 127.77 มวน

เดือน พ.ค. จำนวน 91.23 มวน

เดือน มิ.ย. จำนวน 80.68 มวน

เดือน ก.ค. จำนวน 74.36 มวน

เดือน ส.ค. จำนวน 76.73 มวน

เดือน ก.ย. จำนวน 72.50 มวน

เดือน ต.ค. จำนวน 112.45 มวน

เดือน พ.ย. จำนวน 104.50 มวน

เดือน ธ.ค. จำนวน 130.64 มวน

ย้อนดูสถิติปี 2565 คนกรุงเทพฯ สูดฝุ่นพิษ PM2.5 เทียบเท่าบุหรี่ 1,224.77 มวน

PM2.5 ส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไร? 

นายแพทย์ ตนุพล วิรุฬหการุญ หรือ คุณหมอแอมป์ นายกสมาคมแพทย์ฟื้นฟูสุขภาพและส่งเสริมการศึกษาโรคอ้วน กรุงเทพ (BARSO) และประธานคณะผู้บริหาร บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก มีความกังวลถึงผลกระทบต่อสุขภาพ เพราะปัญหามลภาวะเหล่านี้มิได้ส่งผลแค่ระบบทางเดินหายใจเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อทั่วทุกระบบของร่างกายได้มากกว่าที่คิด  

ค่าฝุ่น PM2.5 ในปี 2565 ควันพิษที่ประชาชนในกรุงเทพฯ สูดดมเข้าไปนั้นเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ราว 1,225 มวนตลอดทั้งปี หรือเฉลี่ยวันละ 3.36 มวน ถือได้ว่าอันตรายเป็นอย่างมาก คุณหมอแอมป์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก สามารถเข้าแทรกซึมสู่ร่างกายของมนุษย์เข้าไปได้ลึกจนทะลุถุงลมปอด เข้าไปในกระแสเลือดโดยตรง และส่งผลเสียต่อการทำงานของระบบหายใจและส่วนอื่น ๆ ได้มากมาย ซึ่งมีดังต่อไปนี้ 

ร่างกายได้รับความเสียหายจากสารอนุมูลอิสระและเกิดภาวะการอักเสบ

ฝุ่นควันมลพิษต่าง ๆ สามารถกระตุ้นการสร้างสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า "สารอนุมูลอิสระ หรือ Free radicals" จนเกิดภาวะ oxidative stress นำมาซึ่งการทำลาย DNA, ยับยั้งการซ่อมแซม DNA ชักนำให้เกิดความผิดปกติแก่ทารกในครรภ์ การกลายพันธุ์ และผลเสียอื่นได้ 

นอกจากนี้ "สารอนุมูลอิสระจะไปสะสมอยู่ที่ตับ ซึ่งเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่เหมือนเป็นโรงงานกำจัดของเสียภายในร่างกาย โดยมีสารสำคัญอย่าง 'กลูตาไธโอน' ที่ช่วยในการขับสารพิษ ซึ่งหากร่างกายมีระดับของสารสำคัญนี้มากก็จะสามารถกำจัดของเสียได้เร็ว หากมีน้อยก็จะกำจัดของเสียได้ช้า และยิ่งได้รับของเสียในปริมาณมาก ก็จะทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมา" คุณหมอแอมป์กล่าวถึงอันตรายของสารอนุมูลอิสระ 

ทำให้เทโลเมียร์สั้นลง 
เทโลเมียร์ (Telomere) คือส่วนปลายสุดของโครโมโซม ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้รหัสพันธุกรรมถูกทำลายไปในระหว่างการแบ่งเซลล์ ซึ่งหากเราได้รับอนุมูลอิสระอย่างการสัมผัสมิลพิษทางอากาศมาก ก็จะส่งผลให้เทโลเมียร์หดสั้นลงมากกว่าปกติ เกิดความเสียหายต่อรหัสพันธุกรรมของเราได้ และเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ตามมา 

เหนี่ยวนำให้เกิดโรคเรื้อรังตามมา 
ฝุ่น PM2.5 มีสัมพันธ์กับการสร้างสารอักเสบที่เพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มากขึ้น ซึ่งกระบวนการอักเสบที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะเข้าไปทำลายเซลล์ต่าง ๆ ทำให้พวกเรา โดยเฉพาะในเด็กมีภูมิต้านทานลดลง เป็นหวัดบ่อยมากขึ้น มีภาวะภูมิแพ้ และเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือด โรคอัมพฤกษ์ โรคอัมพาต และร้ายแรงที่สุดคือ เป็นโรคมะเร็งในระยะยาวได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งปอดที่ฆ่าชีวิตคนไทยไปกว่า 122,104 ราย ในปี 2563 ประกอบกับฝุ่นพิษนี้มีสารอินทรีย์ระเหยง่ายอย่างสารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (PAHs) จึงเป็นเหตุให้สำนักงานวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศ (IARC) จัดให้เป็นสารระเหยชนิดนี้เป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งสำหรับมนุษย์ 

ปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่นละออง PM2.5 ถือได้ว่าเป็นภัยคุมคามทางสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงต่อสุขภาพของมนุษย์ แม้ว่าจะไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิดขึ้นและจะหมดไปโดยง่าย แต่ความรุนแรงที่มากขึ้นยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าพวกเราควรหันมาใส่ใจกับปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง เพราะนั้นคือตัวแปรสะท้อนสำคัญของการมีสุขภาวะของคนไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต

related