svasdssvasds

BYD โค่น Tesla ครองแชมป์ตลาด BEV อันดับ 1 ของโลก ติดต่อกัน 2 ไตรมาส

BYD โค่น Tesla ครองแชมป์ตลาด BEV อันดับ 1 ของโลก ติดต่อกัน 2 ไตรมาส

BYD ผู้ผลิตยักษ์ใหญ่จีน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ขึ้นอันดับ 1 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2025 แซงหน้า Tesla เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน

SHORT CUT

  • BYD ขึ้นแท่นผู้นำยอดขาย BEV โลก BYD ผู้ผลิตรถยนต์จากจีน มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลกสูงสุด แซงหน้าเจ้าตลาดเดิมอย่าง Tesla ในไตรมาสแรกของปี 2025 (มกราคม-มีนาคม)
  • ความสำเร็จนี้เป็นการยืนยันตำแหน่งผู้นำต่อเนื่อง หลังจาก BYD เคยทำยอดขายแซง Tesla ได้เป็นครั้งแรกในไตรมาสก่อนหน้า (ไตรมาส 4 ปี 2024)
  • การขึ้นนำของ BYD ชี้ให้เห็นถึงการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก การเติบโตอย่างรวดเร็วของผู้ผลิตจีน และเป็นการท้าทายสถานะผู้นำเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

BYD ผู้ผลิตยักษ์ใหญ่จีน สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ขึ้นอันดับ 1 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2025 แซงหน้า Tesla เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน

BYD จากประเทศจีน ได้ครองตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่มียอดขายสูงสุดทั่วโลกในไตรมาสแรกของปี 2025 

CREDIT : Counterpoint

ตอกย้ำสถานะผู้นำของ BYD เป็นไตรมาสที่สองติดต่อกัน หลังจากที่บริษัทได้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกด้วยการทำยอดขาย BEV แซงหน้า Tesla ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อไตรมาสที่สี่ของปี 2024 

จากตัวเลขยอดขายล่าสุดที่เปิดเผยออกมาและประมาณการของ Counterpoint Research พบว่า กลยุทธ์การขยายตัวเชิงรุกและนวัตกรรมทางเทคโนโลยีของ BYD ได้ท้าทายความเป็นผู้นำอันยาวนานของ Tesla ได้สำเร็จ

CREDIT : REUTERS

ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายนี้ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) สำหรับผู้โดยสารจำนวน 416,388 คัน ในไตรมาส 1 ปี 2025 ซึ่งสูงกว่ายอดของ Tesla ที่ทำได้ 336,681 คัน

ในช่วงเวลาเดียวกัน ตัวเลขนี้ตามมาหลังจากความสำเร็จครั้งสำคัญของ BYD ในไตรมาส 4 ปี 2024 ซึ่งบริษัทส่งมอบ BEV ได้ 595,413 คัน เทียบกับ Tesla ที่ 495,570 คัน

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนรายไตรมาสของ BYD แซงหน้า Tesla เป็นครั้งแรกในไตรมาส 4 ปี 2023 ด้วยยอดขาย 595,413 คัน เทียบกับยอดส่งมอบ 484,507 คัน ของ Tesla

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มนี้กลับพลิกผันในไตรมาสถัดมา และ Tesla มียอดขายสูงกว่า BYD เล็กน้อยเมื่อนับรวมทั้งปี โดยยอดขาย BEV ของ BYD ในปี 2024 อยู่ที่ 1,764,992 คัน ขณะที่ยอดขายของ Tesla อยู่ที่ 1,789,226 คัน

การยืนหยัดในตำแหน่งสูงสุดสองไตรมาสซ้อนนี้ ไม่ใช่เพียงแค่ชัยชนะด้านตัวเลขยอดขาย แต่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนบ่งชี้ถึงพลวัตการแข่งขันที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่เติบโตเร็วที่สุดและมีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกปัจจุบัน การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ BYD แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์และกลยุทธ์ทางการตลาดที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในวงกว้าง

CREDIT : REUTERS

การที่ BYD สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาด BEV โลกเหนือ Tesla ได้ถึงสองไตรมาสติดต่อกันนั้น มีนัยสำคัญที่น่าจับตามองและวิเคราะห์ในเชิงลึกหลายประการ ดังนี้

นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่า บัลลังก์ผู้นำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลกที่ Tesla เคยครอบครองอย่างแข็งแกร่งมานาน กำลังถูกท้าทายอย่างจริงจัง

แสดงให้เห็นว่าภูมิทัศน์การแข่งขันเปิดกว้างมากขึ้น และไม่มีผู้นำรายใดที่จะสามารถผูกขาดตลาดได้อย่างถาวร

CREDIT : REUTERS

ความสำเร็จของ BYD ส่วนหนึ่งมาจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้าระดับเริ่มต้น (Entry-level) ไปจนถึงระดับกลางและพรีเมียม

ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถตั้งราคาที่เข้าถึงง่ายกว่าในหลายๆ เซกเมนต์ ซึ่งแตกต่างจาก Tesla ที่เน้นสร้างแบรนด์ในกลุ่มพรีเมียมและตลาดกลางเป็นหลักในช่วงแรก

ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ BYD ก้าวขึ้นมาคือ ระบบชาร์จเร็วพิเศษ (ultra-fast charging) ที่เพิ่งเปิดตัวไป ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญในประสิทธิภาพของ BEV ระบบนี้ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมไฟฟ้า 1,000V, แบตเตอรี่ 10C, ชิปพลังงานซิลิคอนคาร์ไบด์ (Silicon Carbide - SiC) และเทคโนโลยี Blade Battery ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท

CREDIT : CarNewsChina

"ระบบนี้สามารถให้ระยะทางวิ่ง 400 กม. ในเวลาเพียง 5 นาที สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรม ซึ่งเหนือกว่า Supercharger ของ Tesla อย่างมาก ที่เพิ่มระยะทางได้ประมาณ 275 กม. ใน 10 นาที" 

ในขณะเดียวกัน Tesla กำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นในหลายด้าน การแสดงจุดยืนทางการเมืองที่เป็นประเด็นถกเถียงของ CEO อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากผู้บริโภคในตลาดสำคัญๆ

CREDIT : REUTERS

โดยข้อมูลช่วงต้นปี 2025 แสดงให้เห็นยอดขายที่อ่อนตัวลงในสหรัฐอเมริกาและยุโรป ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเพิ่มภาษีศุลกากรต่อชิ้นส่วน EV ของจีน ยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของ Tesla อีกด้วย

CREDIT : REUTERS

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของสถิติยอดขาย แต่เป็นการส่งสัญญาณถึง "ยุคใหม่" ของการแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย โอกาส และความไม่แน่นอน

ซึ่งผู้เล่นทุกคนต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและการเติบโต ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด

BYD จะสามารถรักษาโมเมนตัมและตำแหน่งผู้นำนี้ไว้ได้นานเพียงใด และ Tesla จะมีกลยุทธ์ใดมาตอบโต้ความท้าทายครั้งใหญ่นี้ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี 2025 และในระยะยาว

ที่มา : CarNewsChina

related