AION UT VS BYD Dolphin เลือกซื้อรุ่นไหนดี ในงาน Motor Show 2025 ปีนี้
AION UT กับ BYD Dolphin เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คนสนใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาเข้าถึงง่ายสักคันในงาน Motor Show 2025 ชวนมาดูกันว่า EV จีนสองค่ายนี้ รุ่นไหนน่าซื้อกว่ากัน
SHORT CUT
- BYD Dolphin มีราคาโปรโมชันยืนยันแล้วที่ 499,900 บาท (รถประกอบไทย, พร้อมจำหน่าย) ขณะที่ AION UT ยังเป็น ราคาคาดการณ์ที่ 49x,xxx บาท (รถนำเข้า, รอเปิดตัวอย่างเป็นทางการ)
- AION UT มี แรงม้าสูงกว่า (136 PS) แต่ BYD Dolphin ให้ แรงบิดเยอะกว่า (180 Nm), วิ่งได้ไกลกว่า (435 กม. vs 400 กม. NEDC) และรองรับ ชาร์จ DC ได้เร็วกว่า (70kW vs 60kW)
- AION UT กว้างกว่าและมี ฐานล้อยาวกว่า อย่างชัดเจน (อาจหมายถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่มากกว่า) และอาจให้ ระยะทางประกันแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า (240,000 กม. vs 160,000 กม.) ส่วน Dolphin มีขนาด แคบกว่า (อาจคล่องตัวกว่าในการขับขี่ในเมือง)
AION UT กับ BYD Dolphin เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คนสนใจที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าราคาเข้าถึงง่ายสักคันในงาน Motor Show 2025 ชวนมาดูกันว่า EV จีนสองค่ายนี้ รุ่นไหนน่าซื้อกว่ากัน
เทียบหมัดต่อหมัด AION UT รุ่นใหม่ล่าสุด ต้องจองรอรับรถ ปะทะ BYD Dolphin ราคาโปรฯ รถพร้อมส่งประกอบไทย ใครคุ้มกว่ากัน
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยร้อนระอุขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็กราคาเข้าถึงง่าย เมื่อมีการเปรียบเทียบสเปคและราคาของสองผู้เล่นรายสำคัญจากจีน
ระหว่าง AION UT รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ กับ BYD Dolphin รุ่นประกอบไทยที่เพิ่งประกาศราคาพิเศษออกมา
การแข่งขันครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่รุ่นเริ่มต้นของทั้งสองโมเดล ได้แก่ AION UT Standard ซึ่งมีราคาคาดการณ์ที่น่าจับตามองในระดับ 49x,xxx บาท
และ BYD Dolphin Standard Range ที่สร้างความฮือฮาด้วยราคาพิเศษช่วง Motor Show 2025 ที่ 499,900 บาท ทำให้ทั้งสองรุ่นกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงในพิกัดราคาต่ำกว่าห้าแสนบาท
เทียบขุมพลัง แรงม้า AION UT นำ แรงบิด Dolphin เหนือกว่า
เมื่อดูที่สมรรถนะ AION UT Standard ดูจะมีภาษีดีกว่าในด้านกำลังสูงสุด ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 12 วินาที แต่มีแรงบิดสูงสุดที่ 145 นิวตันเมตร และความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.
ขณะที่ BYD Dolphin Standard Range แม้จะมีกำลังสูงสุดน้อยกว่าที่ 95 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ช้ากว่าเล็กน้อยที่ 12.3 วินาที แต่มาพร้อมแรงบิดที่สูงกว่าถึง 180 นิวตันเมตร ซึ่งอาจให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่กระฉับกระเฉงกว่าในบางช่วงความเร็ว และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 160 กม./ชม.
แบตเตอรี่ ระยะทาง การชาร์จ Dolphin ได้เปรียบ
ทั้งสองรุ่นใช้แบตเตอรี่ LFP ขนาดใกล้เคียงกัน โดย AION UT Standard มีความจุ 50 kWh ส่วน BYD Dolphin Standard Range มีขนาด 50.25 kWh
อย่างไรก็ตาม Dolphin สามารถวิ่งได้ระยะทางสูงสุดตามมาตรฐาน NEDC ที่ 435 กม. เหนือกว่า AION UT ที่ทำได้ 400 กม.
ด้านการชาร์จเร็ว (DC Fast Charging) BYD Dolphin ยังคงได้เปรียบด้วยการรองรับกำลังไฟสูงสุด 70 kW เทียบกับ AION UT ที่รองรับ 60 kW ซึ่งอาจหมายถึงระยะเวลาในการชาร์จที่สั้นกว่าเมื่อต้องการเดินทางไกล
มิติตัวถัง: AION UT กว้างกว่า-ฐานล้อยาวกว่า, Dolphin แคบกว่า-คล่องตัว
จุดที่น่าสนใจคือมิติตัวถัง แม้ AION UT จะสั้นกว่า Dolphin เล็กน้อย (4,270 มม. vs 4,290 มม.) แต่กลับมีความกว้างมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด (1,850 มม. vs 1,770 มม.)
และมีระยะฐานล้อที่ยาวกว่าถึง 5 เซนติเมตร (2,750 มม. vs 2,700 มม.) ซึ่งอาจส่งผลให้มีพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่า ในขณะที่ Dolphin ได้เปรียบเรื่องความคล่องตัวในที่แคบด้วยความกว้างที่น้อยกว่า
ทั้งสองรุ่นมอบการรับประกันตัวรถนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. เท่ากัน แต่ในการรับประกันแบตเตอรี่ AION UT ดูจะมีข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าด้วยระยะทางที่ยาวถึง 8 ปี หรือ 240,000 กม. เทียบกับ Dolphin ที่ 8 ปี หรือ 160,000 กม.
การเลือกระหว่าง AION UT และ BYD Dolphin รุ่น Standard Range (ราคาพิเศษ) กลายเป็นโจทย์ที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภค หากเน้นที่ แรงม้า, ความกว้างขวางภายในที่คาดว่าจะมากกว่าจากฐานล้อที่ยาว, และระยะทางรับประกันแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า AION UT อาจเป็นคำตอบ
แต่หากต้องการรถที่ มีจำหน่ายจริง (ประกอบไทย), แรงบิดดีกว่า, วิ่งได้ไกลกว่าเล็กน้อย, ชาร์จ DC เร็วกว่า, คล่องตัวกว่าในเมือง, และมาพร้อมราคาพิเศษที่ยืนยันแล้ว BYD Dolphin รุ่น Standard Range ก็เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ณ เวลานี้
ผู้ที่สนใจคงต้องจับตาดูการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการของ AION UT อย่างใกล้ชิด เพื่อเปรียบเทียบข้อมูลทั้งหมดอีกครั้งก่อนตัดสินใจ
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นการเปรียบเทียบข้อมูลจำเพาะ (สเปค) และราคาของรถยนต์ทั้งสองรุ่นตามข้อมูลที่ได้รับ ณ วันที่เผยแพร่ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการโจมตีหรือสร้างความเสื่อมเสียต่อแบรนด์รถยนต์แต่อย่างใด
