svasdssvasds

อนาคต! “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เล็ก” จะเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องเข้าใจ

อนาคต!  “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เล็ก” จะเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องเข้าใจ

ไทยเดินหน้าพลังงานเต็มสูบ หลายภาคส่วนถกใช้เทคโนโลยี SMR หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ชี้หากอยากให้เกิดเร็ว ต้องเร่งทำความเข้าใจ “ประชาชน” ให้มากกว่านี้

SHORT CUT

  • ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังพูดถึงเรื่องพลังงานสะอาด โดยเฉพาะเทคโนโลยี SMR หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ที่มีการพูดถึงมากขึ้น
  • อีกทั้งยังพลังงานสะอาดที่มีความเสถียร มั่งคง ต้นทุนไม่สูงมาก ระยะยาวคุ้มค่าทุน ที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้พลังงานนี้ไปผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ได้อีกด้วย
  • วันนี้พาส่องอนาคต!  “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เล็ก” หากจะเกิดขึ้นได้ ต้องเร่งสร้างความเข้าใจประชาชน

ไทยเดินหน้าพลังงานเต็มสูบ หลายภาคส่วนถกใช้เทคโนโลยี SMR หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ชี้หากอยากให้เกิดเร็ว ต้องเร่งทำความเข้าใจ “ประชาชน” ให้มากกว่านี้

นาทีนี้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังพูดถึงเรื่องพลังงานสะอาด โดยเฉพาะเทคโนโลยี SMR หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก ที่มีการพูดถึงมากขึ้น เนื่องจากเป็นพลังงานสะอาดที่มีความเสถียร มั่งคง ต้นทุนไม่สูงมาก ระยะยาวคุ้มค่าทุน ที่สำคัญเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้พลังงานนี้ไปผลิตไฮโดรเจนสีเขียวที่เป็นพลังงานสะอาดเหมือนกันได้ ในต้นทุนที่ไม่สูงมาก

มีหลายประเด็นที่น่าสนใจผ่าน เวทีกรุงเทพธุรกิจ Roundtable จัดเสวนาหัวข้อที่สำคัญ “SMR ทางเลือก ทางรอด Green Energy มีการพูดถึงโอกาสความเป็นไปได้  และขั้นตอนปฏิบัติว่าไทยควรทำอย่างไรต่อจากนี้ไป มาเริ่มจาก นางเพ็ญนภา กัญชนะ รองเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เปิดเผยว่า  อุปสรรคสำหรับการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กของไทย คือ การยอมรับจากสังคม เพราะคนส่วนใหญ่มีภาพจำเหตุการณ์อุบัติเหตุโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ “เชอร์โนบิล” จึงทำให้คนมักจะคิดว่ามันอันตราย

นอกจากนี้ยังมีมีกฎหมายบางส่วนที่ยังไม่ชัดเจนและครอบคลุม โดยที่ผ่านมางได้มีการปรับปรุงกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2559 แล้ว ซึ่งปัจจุบันตามกรอบกฎหมายของปส.ถือว่ามีความครอบคลุม แต่ยังต้องเติมเต็มในเรื่องการรับผิดชอบทางแพ่งจากความเสียหายทางนิวเคลียร์ ซึ่งล่าสุดกำลังร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งจากความเสียหายทางนิวเคลียร์

ด้าน รศ.ดร.สมบูรณ์ รัศมี หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวในงาน  Roundtable: SMR ทางเลือก ทางรอด Green Energy จัดโดย 'กรุงเทพธุรกิจ' ว่า  การเตรียมบุคลากรสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้านิวเคลียร์เป็นก้าวสำคัญสู่อนาคตพลังงานไทยเป็นอย่างมาก สำหรับประเทศไทย การพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรมนี้ยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก แม้ว่าประเทศเพื่อนบ้านบางแห่งเพิ่งเริ่มต้นศึกษาและพัฒนาโครงการด้านพลังงานนิวเคลียร์ แต่ไทยมีความแตกต่างตรงที่มีประสบการณ์และองค์ความรู้ในระดับหนึ่ง

อนาคต!  “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เล็ก” จะเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องเข้าใจ

อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตคือ การขาดแคลนบุคลากรที่มีความพร้อม เนื่องจากภายในปี 2580 หรืออีกประมาณ 13 ปีข้างหน้า อาจไม่มีบุคลากรที่มีทักษะและประสบการณ์เพียงพอรองรับอุตสาหกรรมนี้ โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่สามารถพึ่งพาเพียงแค่เทคโนโลยีหรือต้นทุนได้ แต่ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรเป็นอันดับแรก ภาครัฐต้องมีบทบาทสำคัญในการผลักดัน โดยสร้างองค์ความรู้ที่ลึกซึ้งและระบบการศึกษาที่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ นอกจากนี้ ยังต้องมีการออกแบบและประเมินความปลอดภัยของเทคโนโลยีอย่างรอบด้าน เพื่อลดความกังวลของประชาชน

ทั้งนี้บุคลากรที่มีความสามารถและความรู้ด้านนิวเคลียร์เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของไทย การพัฒนาและฝึกอบรมบุคลากรต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมนี้สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ โดยต้องอาศัยการวิจัยและการสื่อสารข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์

สำหรับการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและโครงการพลังงานนิวเคลียร์ในระยะยาวเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ ปัจจุบัน การขาดแคลนบุคลากรด้านนิวเคลียร์เป็นอุปสรรคสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้จำนวนมาก ทำให้ไทยต้องเร่งดำเนินการพัฒนาโครงการฝึกอบรมและเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น

โดยในอีก 13 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีนิวเคลียร์อาจมีการพัฒนาไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ความท้าทายสำคัญคือ การแข่งขันระดับนานาชาติที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้การเตรียมความพร้อมเพียง 13 ปีอาจยังไม่เพียงพอ ไทยจำเป็นต้องผ่านกระบวนการเพิ่มเติมทั้งในด้านการพัฒนาหลักสูตร การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ และการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับนานาชาติ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้

นอกเหนือจากของเสียที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์แล้ว ขยะสี ซึ่งหมายถึงวัสดุที่มีสารกัมมันตรังสีในปริมาณต่ำ ก็ต้องได้รับการกำจัดอย่างปลอดภัย มาตรฐานการกำจัดขยะสีของประเทศไทยอาจมีความแตกต่างจากมาตรฐานสากล ดังนั้น จำเป็นต้องมีการตรวจสอบและเปรียบเทียบกับประเทศที่มีมาตรฐานสูงกว่า เช่น สหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส

สำหรับการตรวจสอบมาตรฐานโดยองค์กรต่างประเทศ และการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยรับประกันว่ากระบวนการกำจัดขยะเหล่านี้มีความปลอดภัย และสามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้

อนาคต!  “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เล็ก” จะเกิดขึ้นได้ ประชาชนต้องเข้าใจ

ต้องยอมรับว่าพลังงานนิวเคลียร์เป็นโอกาสที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานของไทย ให้พลังงานสะอาดมีความเสถียร ราคาเข้าถึงได้ ไม่กระทบสังคม สิ่งแวดล้อม นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ยังรออยู่!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

 

 

related