svasdssvasds

BPP ชี้ AI-ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกบูม ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งอนาคต

BPP ชี้ AI-ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกบูม ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งอนาคต

“บ้านปู เพาเวอร์” หรือ BPP เผย AI- ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกกำลังบูมอย่างแรง ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่ง ด้านโรงไฟฟ้าเตรียมรับดีมานด์การใช้ไฟที่สูงขึ้น

SHORT CUT

  • BPP เผย AI- ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกกำลังบูมอย่างแรง ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่ง
  • จับตาโรงไฟฟ้าเตรียมรับดีมานด์การใช้ไฟที่สูงขึ้น
  • BPP ลุยลงทุนใน 5 ปี มุ่งเป้าการเติบโตทางรายได้และการลงทุน ภายใต้งบฯ ลงทุน 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ ปักหมุดขยายการลงทุนในสหรัฐ รับดีมานด์พุ่ง-ราคาซื้อขายไฟล่วงหน้าเพิ่ม

“บ้านปู เพาเวอร์” หรือ BPP เผย AI- ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกกำลังบูมอย่างแรง ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่ง ด้านโรงไฟฟ้าเตรียมรับดีมานด์การใช้ไฟที่สูงขึ้น

ในปี2568 คาดว่าประเทศไทยของเราจะมีองค์กรธุรกิจเปลี่ยนจากการทดลองใช้ AI ไปสู่การใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมมีการจับตาการพัฒนาสู่อนาคตที่มนุษย์และ Agent ร่วมกันสร้างความสำเร็จ ใช้ AI ผสานกับข้อมูล และการทำงานร่วมกัน ขณะเดียว AI จะสร้างผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นจริง และจะมีการออกแบบ AI Agent ซึ่งเน้นทำงานที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของกระบวนการทำงานในองค์กรแต่ละแบบ และมอบผลลัพธ์ที่ทำให้องค์กรสามารถพัฒนาก้าวไปเกินกว่าการทดลองใช้งาน AI เท่านั้น

แน่นอนว่า AI จะเข้ามามีบทบาทในการทำธุรกิจ และชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น และในปี 2568 นี้ เชื่อว่าจะเป็นคลื่นลูกใหม่ที่ใหญ่กว่า "Agentic AI" ที่จะพลิกโฉมการทำงานและโครงสร้างเทคโนโลยีไปอย่างสิ้นเชิง และคาดการณ์ว่าภายในปี 2571 Agentic AI จะเข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจงานประจำวันถึง 15%

ส่วน Data Center ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่กำลังมาแรง โดย Krungthai COMPASS ประเมินว่า ผู้ประกอบการไทยจะได้รับประโยชน์จากการพัฒนา Data Center ในช่วงปี 2567-2571 ทั้งหมด 9.26 หมื่นล้านบาท ในกรณีที่ยังไม่รวมผลประโยชน์จากการจัดจำหน่ายที่ดิน และค่าบริการอื่น ๆ ในช่วงที่ Data Center เปิดให้บริการ

 

จากข้อมูลเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าทั้งไทย และทั่วโลกเทรนด์ AI และ ดาต้าเซ็นเตอร์ กำลังมาแรงจริงๆ แต่ทั้งสองสิ่งนี้จะใช้ไฟฟ้าจำนวนมหาศาลในกระบวนการทำงาน โดย นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า AI- ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกกำลังมาแรง และจะร้อนแรงต่อไปในอนาคต ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้า และความต้องการใช้พลังงานเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว ดังนั้นจึง BPP ต้องวางแผนการผลิตไฟฟ้ารองรับการใช้ไฟฟ้าของ AI- ดาต้าเซ็นเตอร์

BPP ชี้ AI-ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกบูม ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งอนาคต

ทั้งนี้ BPP ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตตามแนวทางการดำเนินธุรกิจ Beyond Quality Megawatts โดยมุ่งมั่นบริหารพอร์ตโฟลิโอให้มีความสมดุลและครอบคลุมมากไปกว่าการขยายกำลังผลิตไฟฟ้า เพื่อมีความยืดหยุ่นในการหาโอกาสใหม่ ๆ ในการเติบโต และสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคงในระยะยาว โดยปีที่ผ่านมาธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I และ II ในรัฐเท็กซัส สหรัฐฯ สามารถเดินเครื่องเพื่อส่งมอบพลังงานได้ต่อเนื่อง แม้จะมีราคาซื้อขายไฟฟ้าเฉลี่ยลดลงจากอุณหภูมิและสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่เราเชื่อมั่นว่า ราคาซื้อขายไฟในปี 2568 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นสอดรับกับเทรนด์เทคโนโลยีพลังงานและดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ

อีกทั้ง BPP มีมาตรการบริหารจัดการความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา (Hedging Risk Management) ด้วยการใช้เครื่องมือทางการเงิน (Financial Derivative) สำหรับโรงไฟฟ้าทั้งสองแห่งนี้ โดยในปี 2568 จะมีกระแสเงินสดที่จะได้รับจากการใช้เครื่องมือทางการเงินเพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่ 40% นอกจากนี้ เรามองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้เพิ่มเติมของธุรกิจในจีนจากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอน (CEAs) ของโรงไฟฟ้าถ่านหิน

นอกจากนี้ยังเร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+) เดินหน้าสร้างห่วงโซ่ธุรกิจพลังงานที่แข็งแกร่ง โดยเน้นการลงทุนในโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มขนาดใหญ่ (BESS) และการซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) เพื่อสร้าง New S-curve ให้กับบริษัทฯ รวมถึงนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาเสริมการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานปี 2567 BPP มีรายได้รวม 25,827 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,746 ล้านบาท โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จากการดำเนินงานปกติ รวม 7,383 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น (D/E) อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.49 เท่า โดยไฮไลต์สำคัญในปีที่ผ่านมา ประกอบด้วย

BPP ชี้ AI-ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกบูม ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งอนาคต

•ธุรกิจพลังงานความร้อน (Thermal Energy):

โรงไฟฟ้าเอชพีซี (HPC) ในสปป.ลาว และโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี (BLCP) ในไทย ยังคงเดินเครื่องอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถรักษาค่าความพร้อมจ่ายไฟ (EAF) ในระดับสูงที่ร้อยละ 86 และร้อยละ 90 ตามลำดับ และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมจากจำนวนชั่วโมงการผลิตตามสัญญา รวมถึงการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (CHP) และโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) ในจีน จากการบริหารต้นทุนถ่านหินที่ดีขึ้นและมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้นเกือบ 90 ล้านบาท จากการขายสิทธิการปล่อยก๊าซคาร์บอนของโรงไฟฟ้า (CEAs) ปริมาณประมาณ 290,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด ที่สะท้อนถึงประสิทธิภาพของการบริหารจัดการและควบคุมการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าเกณฑ์

•ธุรกิจ Renewables+:

ลงทุนในโครงการ BESS เพิ่มเติมอีก 2 แห่งในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2571 ขณะที่โครงการ Iwate Tono กำลังการผลิต 58 เมกะวัตต์-ชั่วโมง มีความคืบหน้า 99% เตรียมเปิด COD ในไตรมาส 2 ปีนี้

และเดินหน้าธุรกิจขายไฟฟ้า Energy Trading ในญี่ปุ่น ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยม โดยมีการซื้อขายทั้งหมด 2,816 กิกะวัตต์-ชั่วโมง ล่าสุดในปี 2568 บ้านปู เน็กซ์ ซึ่ง BPP ถือหุ้นร้อยละ 50 ได้ร่วมกับโซลาร์บีเค บริษัทชั้นนำด้านพลังงานสะอาดในเวียดนาม จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อให้บริการโซลาร์รูฟท็อปสำหรับกลุ่มธุรกิจเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมในเวียดนาม ตั้งเป้าเฟสแรก 390 เมกะวัตต์

BPP ชี้ AI-ดาต้าเซ็นเตอร์ ทั่วโลกบูม ดันยอดการใช้ไฟฟ้าพุ่งอนาคต

“ด้วยพอร์ตธุรกิจที่มีความหลากหลายและกระจายตัวอย่างสมดุลผ่านการดำเนินธุรกิจเชิงรุกใน 8 ประเทศยุทธศาสตร์ทั่วโลก ทำให้ BPP มีความสามารถปรับตัวรับมือกับภาวะวิกฤติต่างๆ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในแต่ละประเทศเพื่อส่งมอบคุณค่าและผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม พร้อมก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้ผลิตพลังงานระดับโลก” นายอิศรา นิโรภาส กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related