SHORT CUT
Neta ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน กำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก หลังยอดขายในประเทศจีนตกต่ำอย่างหนัก จนต้องประกาศหยุดการผลิตบางส่วน พร้อมลดเงินเดือนพนักงาน
Neta แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าภายใต้ Hozon Auto สร้างชื่อด้วยการเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด จนสามารถแซงหน้าคู่แข่งอย่าง Li Auto, Nio และ Xpeng ในปี 2022 ด้วยยอดขายกว่า 150,000 คัน
แต่แล้ว Neta ก็ตัดสินใจปรับกลยุทธ์ หันไปลุยตลาดรถยนต์ระดับบน ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงและราคาที่สูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ดังกล่าวดูเหมือนจะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ยอดขายของ Neta ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2024 Neta ทำยอดขายได้เพียง 53,853 คัน คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 30% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปี
Neta ไม่สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถยนต์รุ่น Neta S Hunting ที่ประสบปัญหาการส่งมอบล่าช้า, มีรายงานว่าโรงงานผลิตหลักของ Neta ในมณฑลเจ้อเจียง ต้องหยุดการผลิตลงชั่วคราว
Neta ต้องลดเงินเดือนพนักงาน และมีรายงานว่าบริษัทไม่สามารถจ่ายเงินเดือนได้ตรงเวลา, Zhang Yong ซีอีโอของ Neta หยุดอัพเดตโซเชียลมีเดีย สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและลูกค้า
แม้จะเผชิญปัญหาในประเทศ แต่ Neta ยังคงเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ โดยได้เริ่มบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ละตินอเมริกา แอฟริกาใต้ และมีแผนจะเข้าสู่ตลาดยุโรปในอนาคต นอกจากนี้ Neta ยังได้เปิดโรงงานผลิตในประเทศไทย เพื่อรองรับการขยายตลาดในภูมิภาคนี้
ความสำเร็จในระยะยาวของค่ายรถ EV จีนอย่าง Neta ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งยอดขายที่ตกต่ำ ปัญหาทางการเงิน และการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของลูกค้า การรุกตลาดต่างประเทศอาจเป็นทางรอด แต่ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่นๆ
จากกรณีของ Neta สะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ผู้ผลิตต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านนวัตกรรม การควบคุมต้นทุน และการสร้างแบรนด์ เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งตลาด
ที่มา : CarNewsChina