SHORT CUT
ข่าวดีสำหรับผู้ต้องการขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด กกพ.รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 2,180 เมกฯ 8 ต.ค. เงื่อนไขมีอะไรบ้าง ตามประกาศ กกพ. ในรูปแบบ FiT ปี 2565 - 2573 กลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 เพิ่มเติม
ทั่วโลกกำลังมุ่งหน้าสู่พลังงานสะอาด ไทยเองก็เดินหน้าในเรื่องนี้เพื่อไปสู่เป้าหมายของประเทศไทยที่จะบรรลุการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-zero GHG emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกปีละ 350 ล้านตัน สูงในอันดับต้นๆ ของโลก ภาคส่วนที่ต้องมีการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่สำคัญคือ ภาคพลังงาน ภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง ซึ่งภาครัฐได้มีการวางแผนการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเป็นขั้นตอน
ส่วนของการใช้พลังงานภาคครัวเรือน และขนส่งปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมกันปีละประมาณ 250 ล้านตัน ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันการใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดยในแผนพัฒนาจะมีการเพิ่มพลังงานหมุนเวียนต่างๆ สร้างสมดุลให้เกิดขึ้น ทั้งการผลิตจาก ลม ชีวมวล และแสงอาทิตย์
สำหรับในภาคการขนส่งมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ปีละ 80 ล้านตัน ประเทศไทยตั้งเป้าว่าจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้ไม่น้อยกว่า 50% จึงผลักดันนโยบายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV)30@30 โดยตั้งเป้าการผลิตในประเทศประมาณ 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในประเทศในปีค.ศ.2030 หรือให้มีการการผลิต EV ในประเทศ 7 แสนคันต่อปีภายใน 8 - 9 ปีต่อจากนี้ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ และรักษาศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ในภาพรวมไว้
โดยก่อนหน้านั่นรัฐบาลออกมายืนยันว่าจะทำพลังงานสะอาดแม้ต้องมีต้นทุนที่แพงขึ้น เช่น การซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่หากนำมาคำนวนผลที่ได้รับคือ พลังงานสะอาดจะพบว่าต้นทุนดังกล่าวไม่แพงเพราะจะมีผลพลอยได้จากส่วนอื่น เช่น ภาพรวมความน่าเชื่อถือการลงทุน และสภาพแวดล้อมที่ดี
สำหรับโครงการพลังงานสะอาดในประเทศขณะนี้ ได้เดินหน้าโครงการไฟฟ้าชุมชนทั้งเฟส 1 ที่เซ็นไปแล้ว 43 ราย กำลังการผลิต 149.50 เมกะวัตต์ และเฟส 2 จำนวน 400 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างทำแผนที่ราคาไม่สูงมาก อีกทั้งประชาชนในชุมชนได้ประโยชน์โดยปลูกพืชขายป้อนโรงไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติ เพื่อให้ทันกับยุคปัจจุบัน
ล่าสุด ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กกพ. กำหนดกรอบระยะเวลาและกระบวนการเพื่อประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ภายใต้ประกาศ กกพ. เรื่อง รับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 (เพิ่มเติม) ตามมติ กกพ. ดังนี้
อย่างไรก็ตามภายใต้ประกาศดังกล่าว กกพ. ได้กำหนดเงื่อนไขโดยจะให้สิทธิ์กับกลุ่มผู้ที่เคยยื่นข้อเสนอผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินภายใต้โครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed - in Tariff (FiT) ปี 2565 - 2573 สำหรับกลุ่มไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 จำนวน 198 ราย
ทั้งนี้ได้ผ่านเกณฑ์พร้อมทางด้านเทคนิคขั้นต่ำ (Pass/Fail Basis) และได้รับการประเมินความพร้อมตามเกณฑ์คะแนนคุณภาพ (Scoring) ภายใต้โครงการ แต่ไม่ได้รับการคัดเลือกในโครงการดังกล่าว เนื่องจากการจัดหาไฟฟ้าได้ครบตามเป้าหมายแล้ว สำหรับการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าเพิ่มเติมดังกล่าวเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 2,180 เมกะวัตต์ จัดแบ่งสัดส่วนและลำดับการพิจารณาแต่ละประเภทโดยจะพิจารณาโครงการจากพลังงานลม ไม่เกิน 600 เมกะวัตต์ เป็นลำดับแรก หลังจากนั้นจะตามด้วยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน ไม่เกิน 1,580 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ยังระบุเงื่อนไขในการพิจารณาปรับเพิ่มปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายของผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกเป็นลำดับสุดท้าย และยินยอมปรับลดปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายไม่ให้เกินกว่าปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายตามคำเสนอขายไฟฟ้าเดิม
ขณะเดียวกัน กกพ. ยังสามารถพิจารณาปรับเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้ารายปีได้ตามความเหมาะสม ให้สอดคล้องกับผลคะแนนความพร้อมด้านเทคนิค คำเสนอขายไฟฟ้า กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (SCOD) และศักยภาพระบบไฟฟ้า โดยไม่ให้เกินกรอบเป้าหมายรวมของแต่ละประเภทเชื้อเพลิง
ใครที่กำลังจะขายไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเข้ารัฐต้องเตรียมตัวให้พร้อมตามเงื่อนที่นำเสนอเบื้องต้น ซึ่งเรื่องนี้เชื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมเรื่องพลังงานสะอาดของไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จีนแชมป์พลังงานสะอาด! สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ 2 ใน 3 ของโลก
55 ปี กฟผ. บน 5 เส้นทาง ลุยพลังงานสะอาดเต็มสูบ สู่ Carbon Neutrality