SHORT CUT
ความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้แต่ละประเทศพยายามแสวงหาพลังงานทดแทนราคาถูกมาผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์แล้ว "พลังงานจากคลื่นในทะเล" ก็เป็นหนึ่งในทางเลือกที่กำลังได้รับการจับตามองมากขึ้น
Minesto บริษัทสตาร์ทอัพจากสวีเดนได้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ชื่อว่า Dragon 12 ซึ่งเป็นว่าวใต้น้ำที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้พลังงานจากกระแสน้ำในมหาสมุทรมาผลิตกระแสไฟฟ้าสะอาดได้อย่างยั่งยืน ในช่วงเวลาที่ความต้องการพลังงานไฟฟ้ากำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก หลายประเทศกำลังมองหาแหล่งพลังงานทดแทนที่มีราคาย่อมเยาเพื่อนำมาผลิตกระแสไฟฟ้า นอกเหนือจากพลังงานลมและแสงอาทิตย์ที่ได้รับความนิยมอยู่แล้ว พลังงานจากคลื่นในมหาสมุทรก็กำลังกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ
ลองจินตนาการถึงว่าวที่บินอยู่ในอากาศ เป็นรูปแบบเลขแปด ซึ่งหลักการทำงานของ Dragon 12 คล้ายกับว่าวที่ลอยอยู่ในอากาศ โดยจะเคลื่อนที่เป็นรูปเลขแปดเช่นกัน แต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นมันกำลังดำดิ่งลงสู่ใต้ท้องทะเล การเคลื่อนที่ในลักษณะนี้จะทำให้น้ำไหลผ่านปีกของมันด้วยความเร็วสูง ซึ่งจะไปหมุนกังหันที่ติดอยู่ เพื่อเปลี่ยนพลังงานจลน์ของน้ำให้กลายเป็นพลังงานกล แล้วส่งต่อไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 1.2 เมกะวัตต์ จากนั้นไฟฟ้าที่ผลิตได้จะถูกส่งผ่านสายเคเบิลไปยังสถานีบนฝั่ง และถูกรวมเข้ากับระบบสายส่งไฟฟ้าหลักเพื่อจ่ายให้กับบ้านเรือนและธุรกิจต่างๆ
Martin Edlund ซีอีโอของ Minesto กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทคือการสร้างโลกที่พลังงานหมุนเวียนมีความยั่งยืนและคุ้มค่ามากขึ้น ซึ่งการที่ ว่าวใต้น้ำ Dragon 12 สามารถลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลงได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายนี้มากขึ้นทุกที และจะทำให้ผู้บริโภคทั่วโลกสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดในราคาที่ถูกลงได้ในอนาคต
หมู่เกาะแฟโรซึ่งตั้งอยู่กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะใช้ไฟฟ้าสะอาด 100% ภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่ง ว่าวใต้น้ำ Dragon 12 ถือเป็นตัวละครสำคัญที่จะช่วยผลักดันแผนการนี้ให้เป็นจริง ควบคู่ไปกับแหล่งพลังงานหมุนเวียนอื่นๆ เช่น ลม แสงอาทิตย์ และน้ำตก ที่มีอยู่ในหมู่เกาะอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Dragon 12 จะมีการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมและมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีข้อกังวลบางประการ เช่น ความน่าเชื่อถือในระยะยาว และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล ซึ่ง Minesto จำเป็นต้องศึกษาและปรับปรุงเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานคลื่นในมหาสมุทรเป็นไปอย่างยั่งยืนจริงๆ
ที่มา