ตอนนี้ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ดังนั้นยุคนี้จึงเป็นเหมือนการเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงานจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ ฯลฯ
พลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy เป็นพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เป็นพลังงานที่ใช้ไม่หมดซึ่งแหล่งที่มาของพลังงานกำเนิดมาจากธรรมชาติรอบตัวเรา อย่าง พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ ความร้อนใต้พิภพ ชีวมวล และก๊าซชีวภาพ รวมถึงผลผลิตและวัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตร เช่น แกลบ ชานอ้อย กากมันสำปะหลัง หรือมูลสัตว์ ก็สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานหมุนเวียนได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนอย่าง พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าพลังงานฟอสซิล ซึ่งทำให้เกิดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือ Climate Change ซึ่งตอนนี้โลกกำลังเปลี่ยนผ่านระบบพลังงานไปสู่พลังงานหมุนเวียน ซึ่งต้องทำอย่างเร่งด่วนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและความเป็นอยู่ของมนุษย์
นาย António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานหมุนเวียนเป็นกุญแจสำคัญในการอยู่รอดของมนุษย์ท่ามกลางวิกฤตโลกร้อน หากไม่มีการหมุนเวียนพลังงานกลับมาใช้ใหม่ ก็จะอนาคตที่ดีจะไม่มีอย่างแน่นอน
องค์การสหประชาชาติ หรือ UN ได้เปิดแนวทางการเร่งเครื่องพัฒนาพลังงานหมุนเวียนให้เร็วที่สุด ดังนี้
เงินอุดหนุนพลังงานฟอสซิลมีสัดส่วนเป็นเงินจำนวนมหาศาล ทาง UN กล่าวว่าควรหันมาลงทุนด้านพลังานหมุนเวียนให้มากขึ้นเพื่อลดพลังงานฟอสซิล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ช่วยสร้างงาน คุณภาพชีวิตดีขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่ยากจน
การพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนควรมีการเร่งคิดค้นพัฒนา และที่สำคัญต้องกระจายสู่สาธารณะ กล่าวคือ พลังงานหมุนเวียนควรเป็นสินค้าสาธารณะ ทำให้ทุกคนและทุกภาคส่วนเข้าถึงได้
พลังงานหมุนเวียนมีการใช้แร่ธาตุต่างๆ เป็นส่วนประกอบในการผลิตพลังงาน เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานหมุนเวียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควรมีการนำวัตถุดิบที่ใช้ผลิตพลังงานหมุนเวียนมาใช้อย่างมีอย่างรู้คุณค่า รวมถึงพัฒนาทักษะผู้ใช้เทคโนโลยี รวมถึงการวิจัยพลังงานหมุนเวียนควรมีให้มากขึ้น
ที่มา : United Nations / EGAT
ภาพ : pexels
เนื้อหาที่น่าสนใจ :