Tesla Semi รถบรรทุกไฟฟ้า "เร็วแรงแซงรถดีเซล" ขึ้นเขา-ทางลาดชันก็ไม่กลัว

Tesla Semi รถบรรทุกไฟฟ้าจากค่ายดังอย่างเทสลา ได้โชว์ความสามารถของรถด้วยการแซงรถบรรทุกดีเซลทุกคันบนทางด่วนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เรามาดูสเปคของเจ้ารถคันนี้กันว่าน่าสนใจแค่ไหน

Tesla Semi รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้า 100% จากค่ายเทสลา ซึ่งล่าสุดได้มีคลิปวิดีโอที่เป็นกระแสกันทั่วโลก เนื่องจากในคลิปรถบรรทุกไฟฟ้า Tesla Semi ได้แซงหน้ารถบรรทุกไปกว่า 8 คัน เชื่อว่าขณะนี้เทสลากำลังทดสอบประสิทธิภาพของเจ้ารถบรรทุกคันนี้อยู่

ซึ่งทำให้หลายคนสงสัยว่า Tesla Semi ทำไมจึงวิ่งได้เร็วแม้บรรทุกหนักเต็มคัน และยังวิ่งบนทางลาดชันอีกด้วย เรามาดูสเปครถบรรทุกไฟฟ้าคันนี้กันว่าจะน่าสนใจแค่ไหน

$Tesla Semi รถบรรทุกไฟฟ้า \"เร็วแรงแซงรถดีเซล\" ขึ้นเขา-ทางลาดชันก็ไม่กลัว$ ด้วยระบบส่งกำลังมอเตอร์สามมอเตอร์อันทรงพลัง Tesla Semi เคลมไว้ว่าว่า เมื่อบรรทุกสินค้าเต็มคันที่ 37,195 กก. จะสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 20 วินาที ซึ่งถือว่ารวดเร็วมากเมื่อเทียบกับรถบรรทุกดีเซลทั่วไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

I had some thoughts about how to (safely) capture some video of the Tesla Semi vs diesel semi’s going up a steep grade. The average grade ascending the Donner Pass is 7% up to 16%. This is some of what I captured. #Tesla #teslasemi Tesla runs these semi’s daily, fully loaded up… pic.twitter.com/eEHwc1s0DB
— Zanegler (@HinrichsZane) July 14, 2023

อย่างที่เราเห็น Tesla Semi รถกึ่งพ่วงของเทสลาแม้ใช้พลังงานไฟฟ้า แต่มีพละกำลังที่ทำความเร็วได้มากพอที่จะแซงรถบรรทุกกึ่งพ่วง (หรือรถยนต์) คันอื่นๆ ด้วยความเร็วบนทางหลวง ถึงแม้ว่าจะขับขึ้นเขาก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตามการเร่งความเร็วของรถยนต์ไฟฟ้าก็ส่งผลต่อระยะทางที่วิ่งได้เช่นกัน แต่เทสลาก็ได้แสดงถึงประสิทธิภาพของรถบรรทุกไฟฟ้าคันนี้ อนาคตรถบรรทุกไฟฟ้าจะเข้ามาเปลี่ยนและใช้งานแทนรถบรรทุกดีเซลอย่างแน่นอน และนี่ก็เป็นอีกก้าวสำคัญในวงการยานยนต์ไฟฟ้า

Tesla Semi ใช้เวลาเพียง 30 นาทีหรือครึ่งชั่วโมง ก็สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 70% โดยสเปคของรถบรรทุกไฟฟ้าคันนี้มีสองรุ่นย่อย คือ 483 กม. และ 804 กม. เรียกได้ว่าเพียงพอต่อการใช้ขนส่งไม่ต่างกับการใช้รถบรรทุกดีเซล

แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ด้วยสเปคและประสิทธิภาพของ Tesla Semi แต่ยังช่วยประหยัดค่าเชื้อเพลิงได้ราวๆ 200,000 เหรียญสหรัฐ หรือ 6,824,200 บาท ภายในระยะเวลา 3 ปี และยังช่วยลดคาร์บอนและมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย และนี่ชี้ให้เห็นว่ารถบรรทุกดีเซลอาจกำลังตกยุคและหมดไปจากวงการขนส่ง

ที่มา : insideevs