ภาคเอกชน จี้รัฐลดค่าไฟงวดปลายปี 3/66 หรืองวดเดือนกันยายน-พฤษภาคม ควรลดลง 10% หรือไม่เกิน 4.25 บาท จากเดิม 4.70 บาทต่อหน่วย ราคาพลังงานโลกลดลงต่อเนื่อง รวมถึงอ่าวไทยผลิตก๊าซธรรมชาติได้เพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ต้องการเห็นแนวโน้มค่าไฟงวด 3 หรืองวดสุดท้ายของปี 2566 (ก.ย.-ธ.ค.) ว่า ค่าไฟฟ้างวด 3 ของปีควรลดลงกว่า 10% จากงวด 2 (พ.ค.-ส.ค.) หรือไม่เกิน 4.25 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน 4.70 บาทต่อหน่วย ซึ่งได้มีการประเมินสาเหตุที่จะทำให้ค่าไฟงวด 3 ลดลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวดี ! ค่าไฟอาจถูกลง หลังแหล่ง “เอราวัณ” เพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติ
รับมือค่าไฟแพง ! โอกาสทองบ้านที่อยากติดโซลาร์เซลล์ หลังราคาแผงโซลาร์ลดลง
รัฐบาลยัน คืนส่วนลดค่าไฟพ.ค.-ส.ค.150 บาท/ราย จริง เดือนถัดไป หลังชำระบิล
เปิด 5 เหตุผลทำไมค่าไฟถึงต้องลดลง
ทั้งนี้สาเหตุว่าทำไมค่าไฟต้องลดมาจาก 5 ปัจจัยคือ
1.ปริมาณก๊าซจากอ่าวไทยสูงขึ้น เนื่องจากหลุมเอราวัณทยอยเพิ่มจาก 200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายปี
2.ปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้าลดลง
3.ราคาแอลเอ็นจีสปอต (ตลาดจร) ลดลงมากกว่า 30% ราคาไม่เกิน 14 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต จาก 20 เหรียญสหรัฐต่อล้านลูกบาศก์ฟุต 4.ราคาพลังงานโลก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง
และ 5.หนี้ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งงวด 1 ปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) และงวด 2 ปีนี้ ลดลงเร็วกว่าแผน เพราะต้นทุนจริงของแอลเอ็นจีต่ำกว่าที่เรียกเก็บค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที)
ด้านนายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 28 มิ.ย.2566 เป็นต้นไป บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตของแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณ) ได้ทำการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอัตรา 210 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เป็น 400 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟ.)/วัน ภายหลังจากที่ได้เร่งดำเนินงานอย่างทุ่มเทและจริงจัง ตั้งแต่วันที่สามารถเข้าพื้นที่เพื่อประกอบกิจการปิโตรเลียมภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (24 เม.ย.2565) จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้กำหนดเป้าหมายในการเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติของแปลงสำรวจฯ G1/61 ที่อัตรา 600 ล้าน ลบ.ฟ./วัน ตั้งแต่เดือนธ.ค.66 และที่อัตรา 800 ล้าน ลบ.ฟ./วัน ตั้งแต่เดือนเม.ย.2567 เป็นต้นไป โดยจะมีการดำเนินงานสำคัญเพิ่มเติมภายในปีนี้ เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติตามเป้าหมาย อาทิ การติดตั้งแท่นหลุมผลิตใหม่ การจัดหาแท่นขุดเจาะเพิ่มเติม และการบริหารจัดการการใช้งานแท่นขุดเจาะเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นต้น
“กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติได้ติดตาม กำกับดูแล พร้อมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ เพื่อให้การก่อสร้างและติดตั้งแท่นหลุมผลิตใหม่ การเจาะหลุมผลิต และงานอื่นๆ เป็นไปอย่างราบรื่นตามกำหนดการและเป้าหมาย เพื่อให้การผลิตปิโตรเลียมจากแปลงสำรวจฯ G1/61 กลับมามีอัตราการผลิตสูงสุดในอ่าวไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นข่าวดีต่อสถานการณ์ด้านพลังงานของประเทศ จะส่งผลให้ช่วยลดการนำเข้า LNG จากต่างประเทศมาผลิตไฟฟ้า ช่วยลดความผันผวนของภาระค่าไฟฟ้า และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เศรษฐกิจ และสังคม ให้แก่ประเทศต่อไป”